THE SEPTEMBER ISSUE คัมภีร์ไบเบิลของแฟชั่นนิสต้า

โดย ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ / บันเทิง 15 กันยายน 2552 13:16 น. 
คอลัมน์ : Film 
ผู้เขียน : อภินันท์ บุญเรืองพะเนา 
 

 

"ถ้าแฟชั่นเหมือนศาสนา หนังเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากคัมภีร์ไบเบิลของแฟชั่นโดยแท้จริง" นี่คือคำโปรยบนโปสเตอร์ที่ผมเชื่อว่าคงทำให้แฟชั่นนิสต้าตาลุกไปตามๆ กัน 

ครับ, สำหรับคนรักแฟชั่น คงจำกันได้ว่า เมื่อเดือนสิงหาคมสองปีที่แล้ว (2007) แฟชั่นนิสต้าทุกๆ คนต่างรออย่างใจจดใจจ่อที่จะได้เป็นเจ้าของนิตยสารโว้ก (Vogue) ปักษ์กันยายน ซึ่งถือว่าเป็นเล่มใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีน้ำหนักมากกว่า 4 ปอนด์ (840 หน้า) และขายได้มากกว่า 13 ล้านเล่ม และทำให้มีเงินหมุนเวียนภายในโลกแฟชั่นมากกว่า 300 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่ามากที่สุดสำหรับการตีพิมพ์นิตยสารเพียงเล่มเดียว 

The September Issue จะเป็นการเข้าไปสำรวจโลกแฟชั่นอย่างใกล้ชิดและน่าค้นหา รวมถึงการเฝ้าติดตามชีวิตส่วนตัวของ แอนนา วินทัวร์ และทีมงานของเธอ ในกระบวนการสร้างสิ่งที่เรียกว่า "คัมภีร์ไบเบิลของแฟชั่น" โดยผู้กำกับ อาร์ เจ คัตเลอร์ ได้ลงไปสำรวจถึงความงามที่ไม่เคยมีใครแตะต้องได้ของ "แอนนา วินทัวร์" และเปิดเผยให้เห็นถึงความหลงใหลอันยิ่งใหญ่ในหัวใจของทีมงานโว้ก 

แอนนา วินทัวร์ หัวหน้าบรรณาธิการของนิตยสารแฟชั่นโว้ก ซึ่งดำรงตำแหน่งนี้เป็นเวลากว่า 20 ปี เธอคือผู้ทรงอำนาจและเป็นไอคอนแห่งวงการแฟชั่น วินทัวร์ มักปรากฏตัวภายใต้ผมบ๊อบและแว่นตาสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ และเธอก็ไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้ามาล่วงรู้ถึงกระบวนการทำงานภายในออฟฟิศที่ให้กำเนิดนิตยสารเล่มนี้ 

แอนนา วินทัวร์ ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ชี้เป็นชี้ตายวงการแฟชั่นด้วยชื่อเสียงความแรงและสายตาที่คมกริบในการเลือกคอลเลกชั่นของแบรนด์ต่างๆ มาลงในนิตยสาร Vogue อเมริกา จนทำให้ความแรงของเธอถูกนำไปสร้างเป็นตัวละครชื่อ มิแรนด้า ในนวนิยายเรื่อง The Devil Wears Prada และฉบับภาพยนตร์ที่รับบทโดย เมอรีล สตรีฟ เมื่อปี 2006 จนโด่งดังไปทั่วโลกมาแล้ว โดยความแรงของเธอเป็นที่กล่าวขวัญกันว่า เธอมั่นขนาดที่กล้าโยนแฟชั่นเซตที่ถ่ายมา ทิ้ง ก่อนปิดเล่ม 2 อาทิตย์ และบอกให้ช่างภาพกับครีเอทีฟไปถ่ายซ่อมมาใหม่ในทันที 





"ผมอยากทำโปรเจกต์เกี่ยวกับ แอนนา วินทัวร์ และนิตยสารโว้ก ตั้งแต่ได้อ่านบทความหนึ่งในนิตยสารนิวยอร์ก ซึ่งเขียนถึงพิพิธภัณฑ์เมโทรโพลิแทน" ผู้กำกับ อาร์ เจ คัตเลอร์ ละสายตาจากกองถ่ายหนัง หันหน้าเข้าหาไมโครโฟนของนักข่าว และร่ายยาวเป็นชุดๆ 

"มันมีความน่าสนใจที่ทำให้ผมรู้สึกถูกดึงดูด คือผมรู้จักว่า แอนนา เป็นใคร เพราะว่าเธอเสมือนเป็นสิ่งจำเป็นถ้าจะพูดถึงบุคคลในโลกแฟชั่น แต่ผมก็ไม่รู้จักเธอไปมากกว่านั้น ซึ่งในตอนนั้นผมก็กำลังหาหัวข้อที่ผู้คนให้ความสนใจ เกี่ยวกับสิ่งที่ใครบางคนที่ทำบางสิ่งมานาน และยังสามารถทำมันได้อย่างยอดเยี่ยมภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียด ซึ่งมันก็เข้าทางกับกรณีของ วินทัวร์ พอดี 

"ผมจึงโทร.ไปที่สำนักงานของโว้กและเดินทางไปยังเมืองนิวยอร์ก ผมเข้าประชุมกับ แพทริค โอคอนเนลล์ ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายการสื่อสารของ วินทัวร์ ถึงแม้ว่าตอนนั้นเราจะไม่ได้อะไรจากการประชุม แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างในนั้น อีกไม่กี่อาทิตย์ต่อมา แพทริค ก็โทร.หาผมแล้วบอกว่า วินทัวร์ เกิดไอเดียอะไรบางอย่าง และก็ขอให้ผมเข้ามาที่สำนักงานอีกครั้ง ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนกับถูกเรียกตัวจากราชินี 

"แต่ก่อนที่ผมจะลงไปสำรวจโลกใบนี้ ผมไม่รู้ว่า วินทัวร์ จะมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นมากขนาดนี้ คุณสามารถสร้างหนังบล็อกบัสเตอร์ได้ แม้ว่าจะไม่ได้รับคำยินยอมจาก สตีเว่น สปีลเบิร์ก คุณยังผลิตซอฟต์แวร์ขายระเบิดระเบ้อได้ แม้ว่าจะไม่มี บิล เกตส์ หนุนหลัง แต่คุณไม่สามารถประสบความสำเร็จในโลกแฟชั่นได้ ถ้าไม่ได้รับการอนุมัติจาก แอนนา วินทัวร์ ซึ่งถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีเงินหมุนเวียนกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี 

"วินทัวร์ ถือเป็นอิสตรีแห่งวงการแฟชั่น เมื่อคุณเข้าใจถึงอำนาจและผลกระทบจากอิทธิพลของเธอ และสิ่งนี้ก็ยังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะเธอเป็นคนในอุตสาหกรรมที่สามารถเข้าถึงประชาชนทั่วไป คุณอาจจะถามว่าเรื่องนี้พูดถึงในแง่มุมไหนมากกว่ากัน ว่ามันจะเล่าถึงตัวของ วินทัวร์ หรือว่าจะพูดถึงกระบวนการสร้างนิตยสารโว้ก แต่ผมคิดว่าทั้งสองสิ่งมันก็คือเรื่องเดียวกัน เพราะ วินทัวร์ ก็คือโว้ก" 

แน่นอน จากที่อ่านมาทั้งหมด ผมเชื่อว่า ค่าตั๋ว 120 บาท คงไม่มากเกินไปสำหรับการจะรู้จักกับผู้หญิงที่เจ๋งที่สุดคนหนึ่งในโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ๋งที่สุดในโลกของแฟชั่น... 


Views: 166

Reply to This

Replies to This Discussion

น่าดูมากมาย

RSS

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service