Michael Jackson (August 29, 1958 - June 25, 2009)
มหาราชาเพลงพ็อปกับศิลปะท่าไม้ตายสุดมหัศจรรย์



เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมเคยเขียนถึง Michael Jackson กับอัลบั้ม Thriller อังเลื่องชื่อของเขา คิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน ผมก็ได้กลับมาเขียนถึงราชาเพลงพ็อปผู้นี้อีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้เป็นแค่คนดังอีกต่อไปแล้ว เขากลายเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ ที่ไม่น่าจะมีใครทำตามได้ง่ายๆ เรียกว่าเกือบทั้งชีวิตของเขา ไม่ว่าช่วงดีหรือร้าย ก็มีแสงไฟส่องสว่างมายังเขาตลอด ตอนนี้เขาจากไปแล้ว ผู้คนกลับยิ่งให้ความสนใจในเรื่องของเขาเข้าไปอีก การจากไปของเขา ก่อให้เกิดรายได้มหาศาล ลำพังยอดขายซีดีและดาวน์โหลด ก็พุ่งขึ้นมากมายจนค่ายต้นสังกัด Sony น่าจะยิ้มเห็นฟัน ผมคิดว่าอีกไม่นานคงมีอัลบั้มประเภท Tribute ออกมาอีกเป็นแน่ ส่วนผมครั้งนี้ (เขียนวันเดียวกับที่เขาจากไป) จะไม่เขียนเกี่ยวกับเพลง แต่ขอนำสุดยอดศิลปะแห่งท่าไม้ตายของเขามาสาธยาย


Moonwalk

ตั้งแต่ Michael Jackson เอาท่าเดินลื่นไหลถอยหลังนี้มาโชว์ประกอบเพลง Billie Jean ในรายการ Motown 25 เมื่อปี 1983 มันก็กลายเป็นท่าลายเซ็นของเขานับตั้งแต่นั้นมา หลายคนบอกว่าเขาคือผู้คิดค้นท่านี้ ความจริงนั้นไม่ใช่ แต่ยังไงก็ตาม เขาทำท่านี้ได้เนียนที่สุด และก็เพราะเขานี่เอง Moonwalk จึงแพร่หลายจนผู้คนรู้จักไปทั่วโลก จนใครๆ พากันทำตามกันยกใหญ่ ส่วนที่มาที่ไปของท่านี้ สมัยที่ MJ ยังมีชีวิตอยู่ เขาเคยเล่าว่า เอามาจากการเล่นของเด็กๆ ซึ่งสาวเท้าสลับไปมาเป็นวงกลม ดูแล้วเหมือนหมุนไปรอบๆ แบบลื่นไหล ต่อมามีการเอาท่านี้มาต่อยอด ด้วยการสาวเท้าไปทางด้านหลัง ดูแล้วเหมือนลื่นถอยหลังไปแบบไร้กระดูก โดยมี James Brown ศิลปินรุ่นพ่อ เคยใช้ท่านี้มาก่อนหน้าแล้ว เมื่อปี 1980 ในหนังเรื่อง Blues Brothers (แต่ผมว่าไม่เจ๋งเท่าของเขา)

เคล็ดลับขอท่านี้ หากมีเวลาและตั้งใจ ใครๆ ก็ฝึกได้ เริ่มโดยการนำเท้าขวาไปไว้หลังเท้าซ้าย ยกเท้าขวาขี้น โดยยังทิ้งปลายเท้าไว้ ให้ดูแล้วเหมือนตัวอักษร "L" โดยฐานของแอลคือเท้าซ้าย และลำตัวของแอลคือเท้าขวา จากนั้นสาวเท้าซ้ายไปข้างหลังสู่เท้าขวา แล้วทำเท้าขวาให้ลงมาเลียบกับพื้น ในขณะเดียวกัน ยกเท้าซ้ายขึ้น โดยให้ปลายเท้ายังอยู่กับพื้น ขาที่เคลื่อนไปข้างหลังต้องงอเข่าให้เหมือนกำลังเดินอยู่ด้วย เพื่อสร้างภาพลวงตา ทำสลับไปเรื่อยๆ จะกลายเป็น Moonwalk ใครสนใจลองทำดูได้ ไม่นานคุณจะได้เดินบนดวงจันทร์



Antigravity Bend

ผู้ที่ได้ชมภาพยนตร์ Moonwalker ล้วนงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อแรกเห็น Michael Jackson เต้นๆ อยู่ก็ยืนตรงแล้วโน้มตัวไปด้านหน้า ไม่ได้โน้มนิดๆ หน่อยๆ แต่โน้มชนิดที่ตัวพี่แกจวนจะถึงพื้นอยู่แล้วยังไม่ล้ม แล้วยังกลับมายืนได้เหมือนเดิมอีก เหมือนมีวิชากำลังภายใน ทรงตัวได้เหนือแรงดึงดูดโลก หลายคนบอกว่า มันอาจจะเป็นมายาภาพยนตร์ แต่พอไปชมในการแสดงสด เขาก็ทำให้ดูไม่รู้กี่ครั้งกี่หน จนกลายเป็นอีกหนึ่งท่าไม้ตายของเขา ที่มีคนพยายามทำตาม แต่ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ

ในที่สุดเคล็ดวิชาก็ปรากฏ เมื่อไม่นานมานี้ มีคนค้นเจอสิทธิบัตรหมายเลข 5255452 จดเมื่อปี 1992 ว่าด้วยเรื่อง วิธีและเครื่องมือสร้างภาพลวงตา การต้านแรงดึงดูด (Method and Means for Creating Antigravity Illusion) โดย Michael Jackson เจ้าเก่า กรรมวิธีไม่ซับซ้อนแต่ซ่อนเงื่อน อุปกรณ์ประกอบด้วยรองเท้าพิเศษและตัวยึดจากใต้เวที

เจ้ารองเท้าดีไซน์พิเศษนี้ ดูเผินๆ จะเหมือนรองเท้าคัสชูล์ทั่วไป แต่จริงๆ แล้วมันเป็นบูตเสริมความแข็งแรงพิเศษ (มีถุงเท้าขาวปิดบังไว้) และมีดีที่ตรงส้นของรองเท้ามีช่องสำหรับยึดติดกับตัวยึดใต้เวทีอยู่ วีธียึดง่ายมาก แค่เพียงสไลด์ให้เข้าล็อกก็เรียบร้อย ส่วนเจ้าตัวยึดก็มีอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วเวที เมื่อตัวยึดกับรองเท้าเชื่อมกัน ถึงผู้ใส่จะโน้มตัวไปไหนก็ไม่มีทางล้ม เพราะระบบมันยึดติดกันอยู่ หากฝึกใส่เข้าใส่ออกจนคล่อง เวลาแสดงก็จะแลดูแนบเนียน ประหนึ่งยืนอยู่ดีๆ แล้วก้มลงไปสุดๆ ได้แบบไม่มีล้ม

นอกจากท่าเด่นๆ สองท่าข้างต้นแล้ว Michael Jackson ยังมีกระบวนท่าเจ๋งๆ อีกเพียบ เช่น ท่วงท่าหุ่นยนต์ ที่เคลื่อนไหวประดุจว่าเป็นเครื่องจักรไม่ใช่คน ท่าเตะขาสูง ท่าผีดิบ ท่ายืนด้วยปลายเท้า ท่าควงมีดพก หรือท่าคลำเป้าสุดคลาสสิก ที่ไม่มีใครทำได้น่าดูเท่าเขา นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงเทคนิคการร้องเพลงและเครื่องแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ หรือจะเรื่องการแต่งเพลงระดับอัจฉริยะของเขา ล้วนเอามาสาธยายได้ไม่รู้จบ

ณ ตอนนี้ ตำนานแห่งพ็อปผู้นี้คงกำลังแจมอย่างเมามันอยู่กับสุดยอดคนดนตรีอย่าง Elvis Presley, Jimi Hendrix, Kurt Cobain, Robert Johnson, Karen Carpenter, John Lennon, Stevie Ray Vaughan, Randy Rhode ที่ล้วนพากันจากเราไปก่อนเวลาอันควรทั้งนั้น ขอสดุดีราชาเพลงพ็อป Michael Jackson, The King of Pop

ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ
โดย อัษฎา อาทรไผท
คอลัมน์ SOUND Delicious (หน้าพิเศษ D-Life)
วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4124