[ Interview ] Adolfo Dominguez นักปฏิวัติในโลกออกแบบ


 

นักออกแบบแต่ละคน มีแรงบันดาลใจในการทำงานที่แตกต่างกัน มุมมองและวิธีคิด สะท้อนออกมาเป็นรูปลักษณ์ของผลงานและส่งผลต่อความสำเร็จ 

แต่ใช่ว่านักออกแบบทุกคน ที่ประสบความสำเร็จอย่าง มร.อโดโฟ โดมินเกส (Adolfo Dominguez) นักออกแบบผู้ปฏิวัติการออกแบบแฟชั่นของสเปน เจ้าของสโลแกน La arruga esbella ที่มีความหมายว่า ‘รอยยับคือความสวยสดงดงาม’ 

มร.อโดโฟ ศึกษาด้านศิลปะและภาพยนตร์จากกรุงปารีส แต่เนื่องจากครอบครัวมีธุรกิจตัดเย็บเสื้อผ้า หลังจบการศึกษาจึงกลับไปร่วมบริหารกิจการกับบิดา โดยใช้ชื่อธุรกิจว่า Adolfo Dominguez e Hijos, S.L. เน้นการตัดเย็บชุดสูทสำหรับสุภาพบุรุษ 

“ตอนผมเรียนจบ ผมตั้งใจจะดูแลธุรกิจของพ่อแม่ที่มีอยู่ นั่นคือจุดเริ่มต้น จากนั้นผมตัดสินใจที่จะมุ่งเข้าไปสู่ตลาดระดับโลก เริ่มจากเสื้อผ้าผู้ชาย ตามด้วยเสื้อผ้าผู้หญิงทีละเล็กทีละน้อย” 

ในปี ค.ศ.1979 มร.อโดโฟ เริ่มขยายธุรกิจในระดับนานาชาติโดยการเปิดไลน์สินค้าเสื้อผ้าใหม่ๆ ภายใต้สโลแกน La arruga esbella หรือ รอยยับคือความสวยสดงดงาม นำเสนอเสื้อผ้าสำเร็จรูป สำหรับวิถีชีวิตคนเมืองยุคใหม่ในตลาดระดับกลางและระดับสูง ซึ่งถือเป็นปฏิวัติการออกแบบแฟชั่นของสเปน 

“ส่วนใหญ่ในตอนนั้นคนจะแต่งตัวแบบตะวันตก แต่งตัวเต็มยศในงานสำคัญๆ อย่างงานแต่งงาน แต่ต่อมาคนเริ่มที่จะแต่งตัวกันง่ายขึ้น สบายๆ ไม่มีแบบแผนอย่างเสื้อนอกง่ายๆ เนื้อผ้าเบาๆ ทุกอย่างไม่มีแบบแผน ตอนนั้นใครๆ ก็มองว่าเป็นการปฏิวัติแฟชั่น” 

มร.อโดโฟ เปิดกิจการเสื้อผ้าแฟชั่นแห่งแรกในกรุงมาดริด ตามด้วยนครบาร์เซโลนาในปี ค.ศ.1982 และเริ่มนำเสนอผลงานเสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับสตรีบนแคทวอล์คกรุงปารีสในปี ค.ศ.1985 เป็นจุดเริ่มต้นของการขยายธุรกิจไปสู่ความสำเร็จระดับนานาชาติทั่วทั้งยุโรป ญี่ปุ่น อเมริกา และเอเชียอาคเนย์ 

“เสื้อผ้าเหมือนผิวหนังชั้นที่สองของคนเรา มันคือวิธีการหว่านเสน่ห์อย่างหนึ่ง ตั้งแต่เกิดมาตอนที่ยังเป็นเด็กทุกคนต้องการเป็นจุดสนใจ การที่คุณแต่งกายก็เพื่อส่งเสริมให้ตัวเอง ได้เป็นที่ชมชอบและเป็นที่รักใคร่” 

แนวคิดที่เรียบง่ายและเป็นจุดเด่นของงานออกแบบของ มร.อโดโฟคือ 

“ความง่าย ความเป็นธรรมชาติ เดิมๆ ไม่ต้องตกแต่งมากแต่มีความสุนทรีย์ข้างใน” 

ในปี ค.ศ.1986 แบรนด์ Adolfo Dominguez เริ่มพัฒนาสินค้าไปสู่ผลิตภัณฑ์น้ำหอมและเครื่องประกอบการแต่งกาย 

“มันต้องใช้เวลา ผมออกแบบแทบทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตัว แม้กระทั่งน้ำหอมซึ่งค่อนข้างจะมาแรงในสเปน เครื่องสำอาง ทีละนิดๆ ลองปล่อยดีไซน์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด การออกแบบไม่ยากแต่ที่ยากคือการได้ขายและทำให้สินค้านั้นเป็นที่รู้จัก การทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมต้องใช้เวลา 2-3 ปีเป็นอย่างน้อย บางครั้งก็นานกว่านั้น สินค้าในกลุ่มเด็กๆ บางครั้งต้องใช้เวลา 6-7 ปี” 

ถึงวันนี้ Adolfo Dominguez มีร้านค้าในทวีปอเมริกา 21 แห่ง ใน 9 ประเทศ ในทวีปยุโรปและแอฟริกา 538 แห่ง ใน 8 ประเทศ และทวีปเอเชียอีก 48 แห่ง ใน 7 ประเทศ รวมจำนวนร้านค้าของตนเองและในรูปแฟรนไชส์ทั้งสิ้น 607 แห่ง ใน 24 ประเทศ ซึ่งมีสินค้าครอบคลุมทั้งเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ เสื้อผ้าสตรี เสื้อผ้าเด็ก เสื้อผ้าสัตว์เลี้ยง น้ำหอม เครื่องประดับ เครื่องสำอาง นาฬิกา ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน 

"แน่นอนว่าการจะทำอะไรก็ต้องใช้ความรู้ที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ล่าสุดผมทำเครื่องประดับและอย่างที่รู้กันมันไม่เกี่ยวกับเสื้อและรองเท้าเลย แต่ในเมื่อคุณมีเป้าหมายและรูปแบบ มันก็แตกต่างกันแค่รูปแบบ คุณจะต้องรู้จักการเลือกวัตถุดิบที่ถูกต้อง วิธีการสื่อสาร รู้จักเลือกใช้อัญมณีต่างๆ อย่างที่บอกว่ามันเป็นเทคนิคที่แตกต่างแต่เป้าหมายเหมือนเดิม อาจจะพูดได้ว่าผมต้องการออกแบบอะไรก็ได้ที่เป็น 3 มิติ.... 

 

 



ตัวอย่างเช่น ดนตรี ผมว่าผมรักดนตรี แต่ผมไม่ทำเพลง อะไรก็ได้ที่เป็น 3 มิติจะมีลักษณะคล้ายกัน คุณออกแบบด้วยสมองส่วนเดิม ผมว่าเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับใช้เทคนิคที่แตกต่างกัน แต่ก็มีเป้าหมายเดียวกันกับที่คุณมีต่องานสถาปัตย์ ดังนั้นงาน 3 มิติย่อมคล้ายกัน คุณไม่ทำมากกว่าก็น้อยกว่าวิธีเดิม รวมทั้งกับเป้าหมายและหลักการ แต่เห็นได้ชัดว่าเทคนิคแตกต่างกัน มันต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เทคนิค และเมื่อผมพูดถึงเทคนิคผมรวมถึงคุณภาพด้วย... 

ในงานเฟอร์นิเจอร์ มันควรจะสบาย วัสดุดี และดูร่วมสมัย เราไม่ได้เกิดมาเพื่อลำบาก ดังนั้น ถ้าคุณนั่งบนกระจก หรือเหล็ก ผมว่าใช้ไม้น่าจะดีกว่า ในงานเครื่องประดับผมชอบงานทำมือ สำหรับเสื้อผ้าผมก็ชอบงานทำมือ ชอบความรู้สึกสัมผัสที่มาจากมือ ความสมบูรณ์แบบของชุดทำมือ" 

คุณ ชนิตา ปรีชาวิทยากุล เจ้าของแบรนด์ Senada ให้ความเห็นเกี่ยวกับงานออกแบบที่หลากหลายของ มร.อโดโฟ ว่า 

"รากฐานของการคิดทุกคนย่อมต้องมีแรงบันดาลใจ แต่การหยิบแรงบันดาลใจแต่ละเรื่องมาขยายต่อยอดไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเรื่องหนึ่งบนคอนเซปต์ของเสื้อผ้าแล้วเชื่อมโยงน้ำหอมบนคอนเซปต์เดียวกันแล้วเชื่อมโยงเครื่องประดับบนคอนเซปต์เดียวกันอีก.. เขาไม่หยุดนิ่งบนพื้นฐานของความเรียบง่าย เป็นสุดยอดแห่งความคลาสสิก.. 

งานออกแบบของเขา เขาจะพูดเสมอในความรู้สึกว่า สวมใส่สบาย เป็นมิตร เป็นผิวที่สอง เรียบง่าย มันเหมือนง่ายเหมือนแฟชั่นจะไม่มีอะไรเลย แทบจะไม่ได้ปรุงแต่ง ขณะเดียวกันจะเห็นเลยว่าในแง่ของการตลาด ตอบรับในสิ่งที่เขานำเสนออย่างเป็นมิตรมากๆ ..เขาจับสิ่งที่เรียบง่ายมาขายด้วยความเข้าใจง่ายๆ ไม่มีเสนอความเป็นแฟชั่น หรือเทรนด์อะไรมากมาย" 

ความสำเร็จของแบรนด์ Adolfo Dominguez คุณ ทรงพล เนรกัณฐี ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ บอกว่า 

“ผมว่าสิ่งแรกของการสร้างแบรนด์ที่ดีคือต้องศรัทธาในแบรนด์ตัวเองก่อน ผมรู้สึกว่าคุณอโดโฟมีความศรัทธาในธุรกิจเขามากๆ เป็นเหมือน origin of the best ถ้าเรามีศรัทธามากๆ ก็จะเริ่มต้นในสิ่งต่อๆ ไปได้ดี การสร้างแบรนด์ระดับโลกถ้ามองที่ Adolfo Dominguez เขาค่อยๆ ต่อยอดไปเรื่อยๆ การทำแบรนด์ทุกวันนี้ไม่ใช่จะทำอะไรก็ได้ แต่มันคือการทำธุรกิจให้เดินไปข้างหน้าและสอดคล้องกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค... 

เหมือนคุณอโดโฟมองเห็นความเป็นไปของผู้บริโภค ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และเขารู้สึกว่าอยากจะเข้าไปเติมเต็มชีวิตของผู้บริโภคให้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น นั่นคือสิ่งที่เรารู้สึกว่าเขาเป็น และเขาพยายามใช้เวลา 30 ปีสร้างแบรนด์ให้เคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ คือการมีของใหม่ เช่น วันนี้ทำเสื้อผ้าของผู้ชายแล้วไปทำของผู้หญิง ไปทำเสื้อผ้าเด็ก ไปทำเครื่องประดับ เขามองแฟชั่นเป็นต้นทาง แต่ว่าท้ายที่สุดคือรวมไลฟ์สไตล์ทั้งหมดคือแฟชั่นเป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์... 

 



วิธีคิดของเขาที่มองไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องน่าสนใจมาก อย่าง เสื้อผ้าสัตว์เลี้ยง ถามว่าทำไมเขาอยากทำเสื้อผ้าสัตว์เลี้ยง วิธีคิดของเขาน่าศรัทธามาก เขาบอกว่า สมัยนี้มีลูกกันน้อยและมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน ขณะเดียวกันคนเริ่มมีสำนึกกับสัตว์ดีขึ้นอยากจะรักสัตว์ เขามองว่านี่คือช่องว่างหนึ่ง เขาอาจจะไม่ได้มองเชิงการค้าก่อนแต่เขามองเชิงว่าแล้วคุณจะอยู่กับสัตว์เลี้ยงอย่างไร ให้สัตว์เลี้ยงได้รับการดูแลที่ดี เช่นต้องใส่เสื้อผ้าบ้าง ผมว่าวิธีคิดของเขาเป็นวิธีคิดของการทำแบรนด์ให้มีคุณค่ากับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องมากกว่า และมันง่ายกับการที่เขาจะต่อยอด 

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งในวิธีการทำงานของ มร.อโดโฟ ที่คุณชนิตา และคุณทรงพล มองเห็นคือ ‘ความสามารถในการปรับตัว’ 

“รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ไม่แก่เลย เขาทันสมัยตลอดเวลาปรับตัวกับทุกสิ่งทุกอย่างในทุกๆ ช่วงเวลาได้ วันนี้ที่เกิดสงครามราคา เขาก็ปรับตัวได้อีก ทำให้ถูกลงขณะที่ยังรักษาความเป็นคุณภาพของสินค้าในสิ่งที่เขารักสิ่งที่เขาชอบ จนวันนี้เกิดช่องการขายแบบทางอินเทอร์เน็ตเขาก็ทำอีก เขารู้ว่าจะขายอะไรในอินเทอร์เน็ตและจะขายอะไรในร้าน และเขารู้ว่าโลกของอินเทอร์เน็ตเกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์คนอย่างไร” คุณชนิตา บอก 

“คุณอโดโฟเป็นนักปฏิวัติเล็กๆ ที่เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขณะที่โลกดิจิทัลเข้ามาเขาก็มองว่าอินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางหนึ่งและเขาไม่ได้อยากใช้เพราะความฟุ่มเฟือยแต่ใช้เพื่อลดต้นทุนบางอย่าง เช่น ของที่ถูกมากแข่งขันกันมากราคาถูกไม่ต้องตัดสินใจมากก็ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางในการขาย ขณะที่ของที่ราคาสูงกว่าก็อยู่ในร้าน ก็จะลดต้นทุนในการลงทุนกับพื้นที่ได้.. ” คุณทรงพล กล่าวและพูดถึงโลกของการออกแบบในปัจจุบันว่า 

“หน้าที่ของดีไซเนอร์ทุกวันนี้ไม่ใช่แค่ออกแบบของสวย-ขายง่าย ความยากของดีไซเนอร์ยุคนี้คือต้องทำให้ผู้บริโภคชื่นชมและอยากจะมีส่วนร่วมในสินค้านั้นๆ ผมว่าคุณอโดโฟพยายามจะมองความเป็นจริงว่าผู้บริโภคต้องการอะไรก็ทำเพื่อตอบสนอง วิธีคิดของเขาๆ ไม่ได้มองข้ามคุณภาพ หรือการส่งมอบสไตล์ที่ถูกต้อง” 

ความสำเร็จของ Adolfo Dominguez คุณชนิตา บอกว่า 

“เขาทำเสื้อผ้าอย่างที่เขาคิดและทำการตลาดสู่ผู้บริโภคและผู้บริโภคอยากได้สิ่งที่เขาคิดจริงๆ ทำให้เราไม่แปลกใจที่ทำไมเขาถึงโตถึง 500-600 สาขา ด้วยสิ่งที่เขาสื่อสารกับลูกค้าด้วยความจริงที่บริสุทธิ์มาก” 

และคุณทรงพล ให้ความเห็นในเรื่องเดียวกันว่า 

“เขาไม่ได้เอาราคาเป็นตัวนำ เขามีมาตรฐานคุณภาพของเขาอยู่ และที่ดีที่สุดและน่าประทับใจคือทำงานทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง นี่คือสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลย ผมว่ามันคือความรัก” 

ที่มา : กรุงเทธุรกิจ
โดย : ปวิตร สุวรรณเกต 
Life Style : Art & Living 
วันที่ 12 ตุลาคม 2552 
 

Views: 279

Reply to This

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service