สงครามน้ำ: ละคร Cultural Soup สะท้อนหายนะโลก

 

เมื่อวันที่ 7-9 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา ณ โรงละครมะขามป้อม อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มูลนิธิสื่อชาวบ้าน(มะขามป้อม) และภาคีร่วมจัด : ภาควิชาศิลปะการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจัดกิจกรรม “ละครเปลี่ยนแปลงสังคมได้จริงหรือ?” 

โดยในค่ำคืนแรกนั้น มีการแสดง Cultural Soup จากศิลปินร่วม 20 ชาติ ได้แก่ เยอรมัน สหรัฐอเมริกา ชิลี ฮอลแลนด์ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ติมอร์ฯ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน จีน อินเดีย พม่า กัมพูชา ลาว มาเลเซีย อังกฤษ สิงคโปร์ ฮ่องกง และไทย 

ที่น่าสนใจก็คือ หลายคนหลายเชื้อชาติได้พร้อมใจกันเลือกประเด็นที่ต้องการนำเสนอในเรื่อง ‘สงครามน้ำ’ ซึ่งเป็นการแสดงที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาหายนะภัยที่กำลังเกิดขึ้นกับทุกพื้นที่ ทุกประเทศ ในโลกใบนี้... 

ที่น่าสนใจก็คือ การแสดงเรื่องนี้ เป็นการรวมศิลปะการแสดง 5 สไตล์ ทั้งลิเก,หุ่นเงา,หน้ากากและ Clown,กายกรรม และ Physical Theatre มาหลอมรวม ในเรื่องเดียว ประเด็นเดียวกัน

 

 

เรามาลองดูเนื้อเรื่องย่อ ของเรื่องนี้กัน… 

น้ำแล้ง น้ำท่วม แผ่นดินไหว ไฟป่า... 

...เกิดสิ่งผิดปกติขึ้นบนโลกอันแสนสงบสุขนี้แล้วสถานการณ์เริ่มตึงเครียด 
และตัวการของความวุ่นวายทั้งหมดก็คือ น้ำ 

ไม่ใช่แค่ปัญหาแต่เป็นวิกฤตการณ์ หรืออาจจะไม่ใช่แค่วิกฤติการณ์ 
แต่มันอาจจะเป็นหายนะของโลก 

น้ำ 

คนกลุ่มหนึ่ง พยายามหาทางแก้ไขปัญหา 

เราต้องจัดประชุมโดยด่วน! 

สมาชิกการประชุมเสนอว่า “ปัญหาเกิดขึ้นเพราะประเทศต่างๆ ที่โลภโมโทสัน เอาทรัพยากรน้ำไปใช้อย่างไม่รู้คุณค่า ทำให้ผู้คนต้องตกยาก...” 

น้ำ 

ว่าแล้วก็เล่าเรื่อง ... 

“มีเรื่องเล่าก่อนนอนของออสเตรเลียเกี่ยวกับกบตัวหนึ่งที่ชื่อ ทิดดาลิก มันเป็นกบตัวใหญ่ ที่สุดในโลก ดื่มน้ำไปจนหมดโลก ทำให้สัตว์อื่นๆ ในโลกต้องช่วยกันคิดหาวิธีแก้ไขปัญหานี้...” 

การถกเถียงในวงประชุมยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด เมื่อมีผู้เข้าร่วมเสนอว่า “เป็นเพราะสังคมเราทุกวันนี้เรามองโลกแคบเกินไปในประเด็นการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ เราควรจะมีวิสัยทัศน์กว้างกว่านี้ ใช้ปัญญาให้มากกว่านี้” 

น้ำ 

ว่าแล้วก็เล่าเรื่อง... 

“ลุงฮามากุจิเป็นผู้ที่มีปัญญาฉลาดหลักแหลม คนทั่วไปอาจนึกไม่ถึงหรือไม่รู้เท่าทัน จนกระทั่งมันสายเกินไป เรื่องของลุงเป็นตัวอย่างการใช้ปัญญานำทางในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงใบนี้...” 

น้ำ 

ผู้เข้าร่วมประชุมคนหนึ่งออกอาการขัดแย้งกับแนวคิดดังกล่าว แต่เสนอว่า “มันเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นนั้นเป็นบทเรียนที่ธรรมชาติสั่งสอนเรา เป็นบทลงโทษในสิ่งที่เราได้ทำกับโลกไว้...” 

ว่าแล้วก็เล่าเรื่อง... 

“พูดแบบนี้ทำให้นึกถึงแม่ธรณีถ้าได้ฟังเรื่องราวของแม่ธรณี แล้วก็จะรู้ว่าเรื่องน้ำท่วมเนี่ย มันไม่ใช่แค่การลงโทษธรรมดาหรอกนะ แต่มันเป็นจุดสำคัญเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเลยทีเดียว” 

น้ำ 

ผู้เข้าร่วมประชุมอีกคนหนึ่งยืนขึ้นถาม “แล้วเราต้องทำอะไรล่ะ?” 

“เราต้องเรียนรู้จากเรื่องของมังกรทั้งสี่ แม่น้ำใหญ่สี่สายของเมืองจีนนะ มีคติสอนใจอยู่นะ เหล่ามังกรมองเห็นหนทางว่าต้องทำยังไง และต้องใช้ความกล้ามากเลยทีเดียว ในที่สุดก็ต้องเสียสละตัวเองด้วย คุณพร้อมจะทำแบบนั้นหรือเปล่าล่ะ” 

ผู้เข้าร่วมทั้งหมดเห็นพ้องต้องกัน และพยายามช่วยกันคิดหาทางแก้ปัญหาเพื่อต่อสู้กับ น้ำ 

“ฉันนึกแผนการใหญ่ออกแล้ว” ผู้เข้าร่วมคนหนึ่งพูดขึ้น... 

ท่ามกลางวิกฤติ ท่ามกลางปัญหา สมาชิกทุกคนกำลังปั่นป่วน และหาทางออกในการแก้ไขปัญหากันอยู่นั้น มองออกไปข้างๆ ในแสงสลัวราง มีร่างคนๆ หนึ่ง อยู่ตรงนั้น... แต่ร่างของเขา ทั้งมือ แขน ขา ลำตัวนั้นถูกเชือกผูกมัดโยงล่ามไว้ ทำให้เดินเหินได้ไม่สะดวก เขาพยายามจะป้องปากตะโกนบอก... 

“มันมีคำตอบสำหรับเรื่องนี้...มันมีคำตอบสำหรับเรื่องนี้...” 

น้ำ 

แต่สมาชิกเหล่านั้น กลับไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้สนใจที่จะสดับฟัง...ทว่าพากันลุกหนีหายไปเสีย 

ผู้ชมหลายคน ครุ่นคิด ตีความหมายที่นักแสดงหลายคนต้องการสื่อ 
ห้วงขณะนั้น มีผู้ชมคนหนึ่งนั่งดูละครอยู่ข้างๆ กระซิบบอก... 

“หรือว่าชายที่ถูกเชือกผูกมัดชักโยงอยู่นั้นคือตัวแทนของสันติสุข คือรากเหง้าภูมิปัญญาดั้งเดิม...ที่พยายามจะบอกกล่าวผู้คน สมาชิกในโลกให้หันกลับไปค้นหาคำตอบในชุมชนของตัวเอง...แต่พวกเขาหลงลืม ไม่ได้ยิน” 

“มันมีคำตอบสำหรับเรื่องนี้...มันมีคำตอบสำหรับเรื่องนี้...” เสียงตัวละครตัวสุดท้ายแผ่วครวญ... 

แสงไฟในโรงละครดวงสุดท้ายดับลง… 
ในขณะที่ประเทศไทย กำลังกลายเป็นเมืองน้ำ!

 

 

ที่มา: prachatai.com / 11 ตุลาคม 2554

Views: 178

Reply to This

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service