วันนี้ของ เควนติน ทารันติโน บนพรมแดงฮอลลีวู้ด

โดย : ลีนาร์


เขาสร้างชื่อเสียงมาจากการสร้างภาพยนตร์ที่นอกสายตาของฮอลลีวู้ด เวลาผ่านมาจนตอนนี้ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก ผู้กำกับที่มีลายเซ็นเฉพาะตัวคนนี้

วันนี้ ทารันติโน ที่เคยได้ออสการ์มาแล้ว ก็ถูกจับตามองบนเวทีเดิมอีกครั้งกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่เข้าชิงรางวัลออ สการ์ กับ Inglourious Basterds ซึ่งเข้าชิงถึง 8 รางวัล เป็นรองแค่ อวตาร และ The Hurt Locker ที่เข้าชิง 9 รางวัล


ชื่อของ ทารันติโน โผล่ขึ้นมาจากภาพยนตร์เปิดตัวที่ไปฉายในเทศกาลซันแดนซ์เมื่อปี 1992 นั่นคือ Reservoir Dogs ที่ทำให้เขากลายเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ที่ถูกจับตามอง และสองปีหลังจากนั้น เขาเขียนบทร่วมกับ โรเจอร์ เอวารี จนคว้าออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจาก Pulp Fiction

จากพนักงานร้านวีดีโอที่ผันตัวเองมาเป็นผู้กำกับหนังทุนต่ำ ใน Pulp Fiction เขาได้ถักทอเรื่องราวสามเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย มาสู่เรื่องราวด้านมืดแห่งเมืองลอสแองเจลิส ที่ทำให้ฮอลลีวู้ดหันมามองเขาทันทีที่รางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิม ยอดเยี่ยมตกมาอยู่ในมือ

ตัวทารันติโนเองเคยมีภาพของการเป็นผู้กำกับนอกคอก ผู้ทำลายโครงสร้างหนังเดิมๆ ที่ฮอลลีวู้ดเคยสร้างมา แต่วันเวลากว่า 20 ปีของเขาในการเข้ามายืนอยู่ในตำแหน่งของผู้กำกับชื่อดัง ทำให้เวลานี้ เขาถูกมองว่า กำลังจะถูกกลืนกลายเข้ามาหลอมรวมกับแนวทางเดิมๆ ของฮอลลีวู้ด

ตัวทารันติโนเองก็ไม่ได้แสดงความเห็นอะไร แต่ก็บอกว่า การได้เข้าไปอยู่ในห้องเดียวกับกลุ่มคนที่ได้เข้าชิงออสการ์ ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขาไม่รู้สึกเป็นคนนอกอีกต่อไป

แม้ว่าหลายคนจะกังวลเช่นนั้น แต่ตัวงานชิ้นล่าสุดของเขา ทารันติโน่ยังคงสไตล์จิกกัด แสบๆ คันๆ ในภาพยนตร์ Inglourious Basterds โดยเขียนตอนจบของสงครามโลกครั้งที่สองเสียใหม่ด้วยเรื่องเล่าของกลุ่มทหาร ยิว ที่เข้าไปในดินแดนศัตรูเพื่อฆ่าและทำให้เหล่านาซีประหวั่นพรั่นพรึงกันถ้วน หน้า

ทั้งยังรวมไปถึงการเลือกใช้ดนตรี และแนวทางของเรื่องที่มี แบรด พิทท์ เป็นผู้นำกลุ่มทหารยิว และไดแอน ครูเกอร์ เล่นเป็นสายลับ ได้ทำให้ผู้ชมตื่นเต้นกันตลอดเรื่อง



Inglourious Basterds กวาดรายได้ไป 314 ล้านเหรียญทั่วโลก ทั้งยังได้รับเรทติ้งบวกจากเว็บไซต์ rottentomatoes.com ไปถึง 89 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึง เสียงด้านดีจากฝั่งนักวิจารณ์
ถึงอย่างนั้น ในช่วงสองปีหลัง เขาได้มอบเงินให้โรงภาพยนตร์ที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1929 ในลอสแองเจลิสซึ่งจัดฉายภาพยนตร์คลาสสิค ที่ใกล้จะปิดตัวลง

ผมมีเงินพอที่ช่วยอะไรได้ นี่เป็นโอกาสที่จะคืนให้คนอื่นบ้าง - เขาบอก

ย้อนกลับไปในปี 1992 ที่เขาได้รับรางวัลออสการ์ เขาถือว่าตัวเองทำความฝันสำเร็จ และไม่เคยกังวลเกี่ยวกับอาชีพมากเลยนับตั้งแต่ตอนนั้น

“ผมสนุกกับชีวิตมาช่วงหนึ่ง ผมพบว่า ผมประสบความสำเร็จเพียงพอ และเมื่อผมต้องการให้มันน่าสนใจอีกครั้ง ความบรรเจิดที่เคยเกิดขึ้น ก็จะกลับมาอีก”

นัยว่า แล้วแต่อารมณ์เขา...

แต่นั่นก็สิ่งที่เคยเกิดขึ้น เมื่อครั้งที่ Kill Bill โด่งดัง แล้ว Death Proof ก็สะดุด Inglourious Basterds ก็ได้ออกมาพิสูจน์ความตื่นเต้น

ส่วนข้อกล่าวหาที่ใครต่อใครกังวลนั้น...คงต้องตัดสินกันเอาเองจากผลงานของ เขาหลังพ้นผ่านออสการ์ปีนี้ ไม่ว่าเขาจะได้หรือไม่ได้รับรางวัลก็ตาม



โดย : ลีนาร์
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ Life Style : บันเทิงต่างประเทศ
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553  

Views: 181

Reply to This

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service