โดย : ประพัทธ์ จิวะรังสรรค์  Lathe chairs VIII โดย Sebastian Brajkovic
-----------------------------

จินตนาการนั้นสำคัญที่สุด เมื่อนักออกแบบต้องการที่จะหลุดพ้นจากกรอบที่เคยทำมา

ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา งานที่เรียกว่า 'Design Art' ซึ่งมักจะใช้เรียกกับงานที่มีส่วนผสมระหว่าง ศิลปะ หัตถกรรม และงานออกแบบ มักจะได้รับความสนใจจากนักสะสมชิ้นงาน งานซึ่งออกแบบหรือทำขึ้นโดยนักออกแบบ โดยมากจะทำขึ้นเพียงแค่ชิ้นเดียวหรือชุดเดียว เฉกเช่นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ซึ่งถ้าจะเปรียบว่าเป็นประติมากรรมในทางศิลปะหรือไม่ ก็ต้องบอกว่า 'ไม่ใช่' เพราะถึงอย่างไร 'Design Art' ก็ยังคงมีประโยชน์ใช้สอยในทางออกแบบมากกว่าจะเป็นแค่งานศิลปะเท่านั้น

นิทรรศการ 'Telling Tales : Fantasy and Fear in Contemporary Design' ที่จัดแสดงไป ณ V&A Museum London เป็นเสมือนนิทานปรัมปราซึ่งนำโลกของงานออกแบบร่วมสมัย สู่จินตนาการอันท้าทาย ต่อกรกับความกลัว กับผลงานกว่า 50 ชิ้น ซึ่งมีทั้งงานเฟอร์นิเจอร์ เซรามิค โคมไฟ และงานออกแบบจัดวาง โดยมีศิลปินซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างดีนำผลงานมาแสดง เช่น Tord Boontje, Maarten Bass, Jurgen Bey และ Studio Job เป็นต้น โดยได้รับการเลือกสรรผลงานจากภัณฑารักษ์ Gareth Williams
The Fig Leaf wardrobe โดย Tord Boontje
------------------------------


โดยนิทรรศการนี้แบ่งออกเป็นส่วนแสดง 3 ส่วนด้วยกัน โดยส่วนแรกนั้น ใช้ชื่อว่า 'The Forest Glade' ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติผสมกับจินตนาการ โดยได้รับอิทธิพลมาจากเทพนิยายในการสร้างสรรค์ผลงาน เช่น งานของ Tord Boontje กับผลงาน The Fig Leaf wardrobe เป็นเสมือนตู้เสื้อผ้าจากจินตนาการประกอบไปด้วย 616 แผ่นทองแดงเพ้นท์สีรูปใบไม้ เหมือนกับเป็นตู้เสื้อผ้าของเจ้าหญิงในตัวละครใดเรื่องหนึ่ง และอีกชิ้นงานเป็นเก้าอี้ Petit Armchair ซึ่งทำจากแผ่นเหล็กฉลุลายโดยช่างฝีมือ ออกแบบเพื่อใช้นั่งท่ามกลางสวนที่มีความเขียวสะพรั่งของธรรมชาติแวดล้อม

ส่วนที่สอง 'The Enchanted Castle' เป็นงานที่กำลังล้อเลียนความเกินจริงกับประวัติศาสตร์การออกแบบและสไตล์งานโบราณ งานชิ้นแรกของ Studio Job กับผลงาน Robber Baron ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ทำจากการหล่อสัมฤทธิ์ชุบทอง เหมือนทำเพื่อล้อเลียนการออกแบบที่ฟุ่มเฟือยของยุคสมัยหลังวิคตอเรียที่มีรายละเอียดที่มากมาย เกินความจำเป็นหรืออีกชิ้นงาน Love Seat ที่ชื่อว่า 'Lathe Chair VIII' โดย Sebastian Brajkovic ที่ได้รับอิทธิพลมาจากยุคศตวรรษที่ 19 โดยรวมเอาเก้าอี้สองตัวเข้าด้วยกัน เป็น Love Seat ชิ้นใหม่ที่ร่วมสมัยในยุคศตวรรษที่ 21 รวมจนถึง 'Cinderella Table' ของ Jeroen Verhoeven ที่ทำจากหินอ่อนสีขาวตัดทอนรายละเอียดให้เข้ากับยุคสมัย แทนค่าวัสดุที่มีราคาให้ตรงข้ามกับรายละเอียดของชิ้นงาน เป็นต้น
robber baron table angle โดย Studio Job
--------------------------- Flower Pyramid โดย Studio Job
------------------------


มาถึงส่วนสุดท้ายกับ 'Heaven and Hell' ซึ่งจะนำพาไปสู่การระลึกถึง ความตายและชีวิตหลังความตาย เป็นงานของ Luc Merx กับงานชื่อว่า 'The fall of the Damned' เป็นแชนเดอร์เลีย (Chandelier) หรือโคมไฟระย้าซึ่งประกอบไปด้วยรูปร่างของมนุษย์ 170 ชีวิต ล่องลอยกลางอากาศ และผลงานเฟอร์นิเจอร์สำหรับสองชีวิตรูปทรงหัวกะโหลกที่ชื่อว่า 'Sensory Deprivation Skull' ของ Joep Van Lieshout ซึ่งทำจากไฟเบอร์กลาส งานนี้อาจจะตั้งคำถามกันไปว่า ชีวิตกับความตายนั้นคือแหล่งพักพิงของมนุษย์หรืออย่างไร ซึ่งภาพรวมของส่วนนี้อาจจะไม่ได้หมายถึงการตายเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการใช้ชีวิตทั้งก่อนหน้านั้นและหลังจากนั้น เป็นต้น

“จุดประสงค์ของนิทรรศการนี้เป็นการนำเสนอหนทางของงานออกแบบในช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งงานทุกชิ้นนั้นมีเรื่องราวที่ต้องการจะบอกต่อกับผู้ชมและเราก็ต้องการที่จะนำเสนอผลงานนั้น เพื่อเป็นตัวอย่างของงานที่สร้างสรรค์และเพื่อเป็นการจุดประกายการสร้างสรรค์การออกแบบสิ่งใหม่ๆ ให้กับวงการออกแบบต่อไป“ เป็นคำกล่าวของภัณฑารักษ์ Gareth Williams

จากนิทรรศการ 'Telling Tales : Fantasy and Fear in Contemporary Design' จะเห็นได้ว่า จินตนาการนั้นสำคัญที่สุด เมื่อนักออกแบบต้องการที่จะหลุดพ้นจากกรอบที่เคยทำมา ต้องการที่จะหลุดพ้นจากประโยชน์ใช้สอยที่ได้เคยร่ำเรียนกันมา สิ่งที่จะเป็นตัวช่วยได้นั้น นั่นคือ “กลับไปสู่โลกของนิทานเมื่อตอนเป็นเด็ก โลกที่ไม่มีเส้นของความถูกผิด มีแค่เรื่องของความดีงามเท่านั้น จากนั้นเก็บเกี่ยวความฝันจินตนาการของโลกเสมือนจริงมาใช้กับโลกแห่งความเป็นจริง“

เพราะนั้นคือช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุด...ใช่หรือไม่

.......
หมายเหตุ : ผู้เขียน ประพัทธ์ จิวะรังสรรค์ กำลังศึกษาสาขาศิลปะที่ Royal College of Art กรุงลอนดอน