มหัศจรรย์ศิลป์หม่อมเจ้าหญิงมารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร

โดย : ชาธิป สุวรรณทอง 

 

ผลงานจิตรกรรมฝีพระหัตถ์หม่อมเจ้าหญิงมารศีสุขุมพันธุ์ สะท้อนถึงความหลากหลายของตัวงานและเอกภาพทางจิตวิญญาณ 


มูลนิธิหม่อมเจ้าหญิงมารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร เชิญผู้มีใจรักในงานศิลปะร่วมชมนิทรรศการ 'MARSI' นิทรรศการซึ่งรวบรวมภาพจิตรกรรมสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ แนวเซอร์เรียลลิสม์ของ หม่อมเจ้าหญิงมารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร และนับเป็นครั้งแรกที่รวบรวมมาจัดแสดงให้ชมกันมากที่สุดถึง 38 ภาพ โดยภาพชุดนี้ได้คัดเลือกผลงานที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุด ของศิลปินตลอดชีวิตการทำงาน 

หม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นพระธิดาพระองค์เดียวของพระเจ้า วรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุมภฎพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต และหม่อมราชวงศ์พันธ์ทิพย์ บริพัตร (สกุลเดิม เทวกุล) ประสูติเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ.2474 ณ วังบางขุนพรหม (ปัจจุบันเป็นที่ทำการธนาคารแห่งประเทศไทย) 

ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศไทยเมื่อปีพ.ศ.2475 หม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้ตามเสด็จครอบครัวไปประทับที่ชวาและต่อไปยังประเทศอังกฤษ ได้มีโอกาสเสด็จเข้าโรงเรียนที่ประเทศอังกฤษ ก่อนเสด็จกลับประเทศไทยและทรงเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย ชั้นประถมปีที่ 4 ในปีพ.ศ.2483 

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยต้องย้ายสถานศึกษาไปที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ครอบครัวหม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตรก็ได้อพยพ ไปประทับที่บ้านบ่อจืด ซึ่งเป็นตำหนักส่วนพระองค์ของพระบิดาที่ ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน และทรงจักรยานไปโรงเรียนซึ่งอยู่บริเวณพระราชวังไกลกังวลทุกวัน จนกระทั่งสงครามสิ้นสุดลงจึงเสด็จกลับกรุงเทพฯ และมาทรงศึกษาต่อโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย 



หลังจากทรงจบการศึกษาในระดับมัธยมปีที่ 6 ที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยแล้ว ท่านได้เสด็จไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และประเทศเสปน ได้รับปริญญา Docteur 's Lettres สาขาวรรณคดี จากมหาวิทยาลัย ณ กรุงปารีส ในปี พ.ศ. 2497 และต่อมาได้ทรงรับปริญญาเอกสาขา ประวัติศาสตร์ศิลปะ จากมหาวิทยาลัยแห่งมาดริด ประเทศเสปน ในปี พ.ศ.2502 

ในช่วงต่อมา หม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้ทรงสอนวิชาศิลปะโลกตะวันออกไกลในคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมาดริด และเมื่อเสด็จกลับมาประทับในประเทศไทย ได้เคยไปทรงสอนเป็นอาจารย์พิเศษที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิชาประวัติศาสตร์ศิลปกรรมตะวันตกอยู่ระยะหนึ่ง 

แม้ว่า หม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร จะทรงแสดงว่า 'มีแวว' ในด้านศิลปะมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ แต่ก็มิได้เข้าสู่วงการศิลปะอย่างจริงจังจนพระชนมายุราว 30 ปี จึงได้ทรงเริ่มศึกษาด้วยพระองค์เองจากงานศิลปะของบรรดาศิลปินต่างๆ เช่น ได้ทรงรับคำแนะนำในหลัก การวาดภาพจิตรกรรมยุคเรอเนสซองต์ และเทคนิคการใช้สีจากเพื่อนศิลปิน Andr Poujet และอีกหลายท่าน จนได้ทรงสร้างสรรค์งานศิลปะของพระองค์เองและเข้าร่วมกลุ่มศิลปินในประเทศฝรั่งเศสจัดแสดงภาพในนิทรรศการ 'Salon Comparaisons' ณ 'Muse de l’ Art Moderne' ในกรุงปารีสหลายครั้ง ตั้งแต่พ.ศ.2507-2515 และร่วมกับศิลปินกลุ่ม 'l’ Art Fantastique' ในนิทรรศการ 'Figuratif de l’ Imaginaire Surreal' ซึ่งเป็นงานศิลปะที่แสดงอารมณ์ ความนึกคิด และจินตนาการในลักษณะที่ท่านโปรด ในประเทศไทยได้จัดแสดงที่หอศิลป์พีระศรีในกรุงเทพฯ เมื่อหอศิลป์พีระศรีสร้างเสร็จใหม่ๆ 



ชีวิตส่วนพระองค์นั้น หม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร ทรงสมรสกับ ศาสตราจารย์ชาวฝรั่งเศสชื่อ Jacques Bousquet ซึ่งเคยไปทำงานประจำ ณ องค์การ UNESCO กรุงมาดริด ประเทศเสปนอยู่ระยะหนึ่งแต่เมื่อได้จัดแสดงนิทรรศการศิลปะในฝรั่งเศสอย่างต่อเนื่อง จึงทรงย้ายไปประทับ ณ กรุงปารีส ต่อมาได้เสด็จไปทรงแสดงภาพตาม พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ต่างๆ ทางใต้ของประเทศฝรั่งเศส และได้เสด็จไปพบเมืองเล็กๆ ชื่อ Annot ซึ่งอยู่ในภูเขาบริเวณ Alpes de Haute Provence ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง Nice ก็ทรงตกหลุมรักในเสน่ห์ของเมือง Annot และตัดสินพระทัยไปซื้อที่ดินบนเนินเขานั้นสร้างสตูดิโอและประทับเป็นตำหนักถาวรที่นั่นตั้งแต่พ.ศ.2513 จนถึงปัจจุบัน 

ผลงานจิตรกรรมฝีพระหัตถ์หม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธุ์ สะท้อนถึงความหลากหลายของตัวงานและเอกภาพทางจิตวิญญาณ ผลงานฝีพระหัตถ์ของท่านหญิงมารศรีมีความหลากหลายตามช่วงเวลา จิตรกรรมชิ้นแรกๆ (ช่วงพ.ศ.2503-13/ ค.ศ.1960-70) ใช้สีเอกรงค์ขาว-ดำเป็นหลักและมุ่งเน้นที่ตัววัตถุคล้ายกับภาพเขียนหมึกจีน ได้แก่ ภาพทดลองวาดลักษณะผิว ลักษณะรูปทรงโขดหิน ผลึกหินชนิดต่างๆ จากนั้นจึงจัดวางฉากประกอบโขดหินพร้อมทั้งจัดแสง เช่นเดียวกับหินในฉากหลังของภาพวาดของเลโอนาร์โด ดา วินชี 



ครั้นต่อมา (พ.ศ. 2513-23/ ค.ศ.1970-80) จึงถึงคราวที่พวกโขดหินที่จัดแสงเงาไว้นี้จะต้องกลายเป็นฉากประกอบเพื่อให้รับกันกับบุคคลที่เป็นแบบ ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนว่าฝีพระหัตถ์ในการวาดภาพดอกไม้ ได้พัฒนายิ่งขึ้นและคราวนี้นำไปสู่แนวทางที่เน้นการเล่นสีหลากหลายอย่างแทบจะเป็นหลัก จนราวกับไม่ทรงสนพระทัยกับความตื้นลึก องค์ประกอบภาพและเงาไปเลยเป็นการชั่วคราว จากนั้นผลงานของท่านหญิงจึงเริ่มเบ่งบาน ทั้งขนาดภาพที่ใหญ่ขึ้น ใช้สีหลากหลายกว่าเดิม องค์ประกอบภาพขนาดใหญ่และซับซ้อนยิ่งขึ้น การมุ่งจับเนื้อหาอันจำกัดไม่หลากหลายแต่นำมาแปรผันไปต่าง ๆ กอปรกับตัวละครและคุณลักษณะเชิงสัญลักษณ์ ได้เปิดทางให้ท่านหญิงได้ทรงค้นพบกฎเกณฑ์เบื้องต้นในการจัดองค์ประกอบภาพขนาดใหญ่ 

ต่อมาเป็นช่วงผลงานสำคัญ (พ.ศ.2523-46/ค.ศ.1980-2003) ที่เปี่ยมด้วยความหลากหลาย ทั้งขนาดภาพ เนื้อหาและองค์ประกอบภาพ ภาพฝีพระหัตถ์ขนาดเล็กมีเนื้อหาเกี่ยวกับสัตว์หรือดอกไม้ เช่น ช้าง แมว ลูกสุนัข ดอกไม้และช่อดอกไม้ ในขณะที่ภาพขนาดกลางมีเนื้อหาผสม เช่น นกแก้วที่ประกอบด้วยดอกไม้ (มีอย่างน้อยห้าภาพ) มนุษย์ซึ่งอยู่เดียวดายท่ามกลางดอกไม้ การประจันหน้าระหว่างมนุษย์กับสัตว์ (ซึ่งมักจะเป็นม้ายูนิคอร์น) และแมวหลายคู่ท่ามกลางอาคารสถานที่หรือธรรมชาติ ส่วนภาพขนาดใหญ่ (ผลงานชิ้นเอก) นั้น ทรงจัดวางสัตว์กลุ่มย่อยๆ ดอกไม้ ต้นไม้ อาคารและมนุษย์ ให้อยู่ท่ามกลางสถาปัตยกรรมอันวิจิตรและมีน้ำหนักสมดุลอย่างยิ่ง 

เอกภาพเป็นแนวคิดหลักในผลงานของท่านหญิงมารศรีสุขุมพันธุ์ ด้านหนึ่งคือเอกภาพในการใช้เทคนิค เช่น เทคนิคการวาดภาพด้วยสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ อันเป็นการแสดงออกที่ซับซ้อนและทรงพลังยิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกด้านหนึ่งคือเอกภาพของเนื้อหา เช่น สัตว์ต่างๆ ดอกไม้และมนุษย์ ที่มักจะโดดออกมาจากทิวทัศน์อันซับซ้อนมากน้อยตามความสำคัญและขนาดของภาพ 



เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ตั้งแต่หม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร ประชวรลงใน ปี พ.ศ. 2547 ทำให้ท่านไม่ทรงสามารถวาดภาพได้เหมือนเดิม ก่อนที่จะประชวร ได้ทรงปรารภว่ามีพระประสงค์จะรวบรวมผลงานทั้งหมดของท่านไว้ด้วยกัน โดยจะสร้างเป็นแกลเลอรีที่เชิงเขาบริเวณตำหนักของท่านที่ Annot เพื่อให้ผู้ที่ สนใจได้มาเยี่ยมชมภาพ และเป็นแหล่งส่งเสริมการศึกษาด้านศิลปะต่อไป 

บัดนี้ท่านได้ประชวรลง จึงมีพระประสงค์ให้หม่อมราชวงศ์ชิษณุสรร สวัสดิวัตน์ ลูกพี่ลูกน้องที่ได้เอื้อเฟื้อดูแลท่านอยู่ จัดตั้งมูลนิธิเพื่อดำเนินการต่อไปตามพระประสงค์ โดยเริ่มจัดแสดงนิทรรศการเป็นครั้งแรกในประเทศไทยและจะได้จัดแสดงต่อไปตามวาระที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมการศึกษางานศิลปะตามที่หม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธ์ บริพัตร ได้ตั้งพระทัยไว้ 

นิทรรศการ 'MARSI' หม่อมเจ้าหญิงมารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร จะจัดขึ้น ณ ฮอลล์ ออฟ มิเรอร์ ชั้น เอ็ม ศูนย์การค้าสยามพารากอน ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 29 มีนาคม 2553 สอบถามเพิ่มเติมโทร.089-777-0541 


โดย: ชาธิป สุวรรณทอง 
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ Life Style : ศิลปวัฒนธรรม 
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553

Views: 148

Reply to This

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service