เล่าเรื่องปีขาล...เปิดตำนานเสือ... ปี 2553




และแล้วปีฉลู -วัวที่แสนจะดื้อดึง เอาแต่ใจตัวเอง ก็กำลังจะลาจากไป ปีเสือ - ขาล สัตว์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง และอำนาจกำลัง จะเข้ามาแทนที่ ซึ่งหมอดูหลายสำนักบอกว่า ปี 2553 นี้ จะเป็นปีเสือทอง แต่จะเป็นปีเสือทอง ที่จะทำให้ประเทศไทยมั่นคง มั่งคั่งเป็น “เสือตัวที่ 5 แห่งเอเชีย” เหมือนที่เราเคยวาดหวังไว้ในสมัยที่เศรษฐกิจเฟื่องฟูหรือไม่ คงต้องรอดูกันต่อไป อย่างไรก็ดีเพื่อให้ได้รู้จักเรื่องของ “เสือ”ดีขึ้น สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จะขอนำแง่มุมต่างๆ ของเสือมาเล่าสู่กันฟัง


ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานบอกไว้ว่า “ขาล” เป็นชื่อปีที่ 3 ของรอบปีนักษัตร ที่มี “เสือ” เป็นเครื่องหมาย หากเราจะนับแบบสากล ปีเสือหรือขาลก็จะเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 เป็นต้นไป แต่ถ้านับแบบจีน ปีเสือจะเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงตรุษจีน (14 กุมภาพันธ์) และหากจะคิดแบบไทย ก็ต้องไปเริ่มเดือนเมษายน ช่วงสงกรานต์ปีใหม่ไทยเลย ซึ่งใครจะนับอย่างไร มักเกี่ยวข้องกับความเชื่อทางโหราศาสตร์เป็นสำคัญ เสือ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในวงศ์ฟิลิดี (Felidae ) อันเป็นวงศ์เดียวกับแมว มันเป็นสัตว์นักล่าที่ชาญฉลาด และน่าเกรงขาม โดยเฉพาะเสือขนาดใหญ่ มักจะทำให้ผู้พบเห็นเป็นครั้งแรกเกิดความหวาดหวั่น กลัวเกรงในพละกำลังอำนาจ แต่ขณะเดียวกันก็จะรู้สึกประทับใจในความสง่างามของพวกมัน


ดังนั้น เสือจึงได้รับการยกย่องว่าเป็น “ราชาแห่งสัตว์ป่า” ส่วนสิงโตที่เรามักเรียกว่าจ้าวป่า ก็จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับเสือ แต่อยู่ในสกุลแพนเทอรา (Panthera) อันเป็นเสือขนาดใหญ่ที่สามารถส่งเสียงคำรามได้ เพราะมีเส้นเอ็นเสียงลักษณะพิเศษเฉพาะ และถือเป็นเอกลักษณ์ที่สัตว์อื่นไม่สามารถทำได้ ซึ่งเสือสกุลนี้ นอกเหนือจากสิงโตแล้ว ก็ยังมี เสือโคร่ง, เสือดาว, เสือจากัวร์ และเสือพูม่า ส่วนเสือขนาดกลาง และขนาดเล็ก อาทิ เสือลายเมฆ และเสือซีต้า (เป็นสัตว์บกที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก) จะไม่สามารถคำรามได้ แต่ส่งเสียงขู่ได้ เสือทั่วโลกมีอยู่ประมาณ 37 ชนิด ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตามป่าและทุ่งหญ้า ไม่ชอบน้ำ อยู่กระจัดกระจายทั่วทุกแห่งในโลก ยกเว้นในเขตขั้วโลกใต้, หมู่เกาะออสเตรเลีย, หมู่เกาะมาดากัสการ์ , หมู่เกาะอินดีสตะวันตก และหมู่เกาะบางแห่งในคาบมหาสมุทร


เสือเป็นสัตว์ที่มีประสาทสัมผัสที่ดีมาก โดยเฉพาะประสาทด้านการมองเห็น ที่สามารถมองเห็นภาพเป็นมิติได้ เช่นเดียวกับคนและลิง เสือมีกล่องหูขนาดใหญ่ จึงยินเสียงได้ดี แต่ประสาทด้านดมกลิ่นไม่ดีนัก หางเสือแต่ละชนิดที่ยาวไม่เท่ากัน จะบ่งบอกลักษณะการหากินของมันด้วย กล่าวคือ เสือที่มีหางยาวและใหญ่ แสดงว่าชอบหากินหรือพักผ่อนบนต้นไม้ เช่น เสือดาว, เสือลายเมฆ เพราะหางที่ยาวและใหญ่ จะช่วยถ่วงสมดุลขณะที่ไต่ไปตามกิ่งไม้ ส่วนเสือที่มีหางสั้นและเล็ก แสดงว่าชอบหากินบนพื้นดินเป็นส่วนใหญ่ เสือเป็นสัตว์ที่อยู่โดดเดี่ยวในป่า (ยกเว้นสิงโตที่มักอยู่เป็นฝูง) ในช่วงฤดูผสมพันธ์เท่านั้นจึงจะอยู่เป็นคู่ โดยตัวเมียจะส่งเสียงดังเป็นช่วงๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากตัวผู้ เสือจะเริ่มผสมพันธุ์ได้ตั้งแต่อายุ 2-8 ปี แต่เสือจะให้ลูกเสือที่แข็งแรงดีก็ต่อเมื่อ เสือตัวเมียมีอายุมากขึ้น


โดยปกติแล้ว เสือตัวเมียเกือบทุกชนิด จะตกไข่หลายครั้งใน 1 ปี แต่มักจะให้กำเนิดลูกเสือเพียงครั้งเดียว และเสือขนาดใหญ่อาจให้ลูกเพียง 1 ครั้งในระยะ 2-3 ปีก็ได้ โดยแต่ละครอกจะมี 1-6 ตัว และใช้เวลาตั้งท้อง 55-119 วัน ลักษณะพิเศษอีกอย่างของเสือ คือ สามารถซ่อนเล็บไว้ในปลายนิ้วเท้าได้ เมื่อต้องการจับเหยื่อจะกางเล็บเท้าหน้าออก ส่วนเล็บเท้าด้านหลังจะใช้เป็นอาวุธ เพื่อฉีกกระชากเหยื่อ และในขณะที่เสือวิ่งเล็บเท้าหลังจะช่วยยึดเกาะ ทำให้สามารถตะกุยพื้นเร่งความเร็วได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การหดซ่อนเล็บของเสือยังเป็นการรักษาความแหลมคมของเล็บไว้ และช่วยป้องกันการขูดขีดขณะเดิน หรือเคลื่อนไหวตามปกติ


เสือเป็นสัตว์รักสงบ แต่เมื่อต้องล่าเหยื่อ มันจะกลายสัตว์ที่อันตรายและดุร้ายที่สุด มันจึงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ ความขลัง ความเชื่อต่างๆ ทั้งในด้านดีและร้ายมาตั้งแต่โบราณ ในด้านดี จีนเชื่อว่า ยันต์รูปเสือคาบดาบ สามารถขับไล่ภูตผีปีศาจ หรือสิ่งอัปมงคลต่างๆ ให้ออกไปได้ โดยนิยมติดยันต์นี้ตามหน้าบ้าน เหนือบานประตู หรือตามทางแยกต่างๆ ส่วนเขี้ยวเสือ ก็ใช้เป็นเครื่องรางของขลังป้องกันอันตราย หรือการสักลาย “เสือเผ่น” ก็เพื่อให้หนังเหนียวฟันแทงไม่เข้า ส่วนบุคคลที่มีความเก่ง กล้าหาญ ก็จะถูกขนานนามให้เป็นเสือ เช่น ทหารเสือ, เสือป่า และเสือพราน เป็นต้น


สำหรับสถานที่สำคัญเกี่ยวกับเสือที่เรา รู้จักกันดี คือ ศาลเจ้าพ่อเสือ หรือชาวจีนเรียกว่า “ตั่วเล่าเอี้ย” ตั้งอยู่บนถนนตะนาว ใกล้เสาชิงช้า เป็นศาลเจ้าจีนแต้จิ๋วที่เก่าแก่ มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของไทย และเป็นที่เคารพนับถือของทั้งชาวไทย และชาวจีนเป็นอย่างมาก เสือบุคคลที่มีชื่อในประวัติศาสตร์ ได้แก่ พระเจ้าเสือ แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ทรงเป็นกษัตริย์องค์ที่ 30 ของราชอาณาจักรอยุธยา ทรงถูกกล่าวขวัญว่าเป็นคนดุร้าย แต่กระนั้นก็ยังทรงมีเมตตาต่อพันท้ายนรสิงห์ จะไม่เอาโทษประหารนายท้ายเรือพระที่นั่ง ที่คัดท้ายเรือไปชนต้นไม้ จนหัวเรือพระที่นั่งหัก แต่พันท้ายนรสิงห์ไม่ยอม ขอให้ประหารชีวิตตน จนเป็นที่เล่าสืบมาถึงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และความสัตย์ซื่อต่อแผ่นดินที่ยอมตายเพื่อธำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์แห่ง กฎหมาย


นอกจากพระเจ้าเสือแล้ว บุคคลดังและดุร้าย ที่ถูกเล่าขานจนกลายเป็นตำนานไปแล้วก็มี เสือมเหศวร, เสือดำ, เสือฝ้าย และเสือใบ สี่จอมโจรชื่อก้องแถบภาคกลาง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งล้วนทำการปล้นอย่างโหดเหี้ยม จนเป็นที่หวาดกลัวไปทั่ว ขุนโจรเหล่านี้ต่างก็มีคาถาประจำตัวเป็นที่เลื่องลือ เช่น เสือมเหศวรมีคาถาหายตัว, เสือดำมีคาถาคงกะพัน, เสือใบมีคาถาหนังเหนียว เป็นต้น แต่ท้ายสุดเหล่าเสือร้าย ก็ถูกขุนพันธรักษ์ราชเดช ตำรวจมือปราบ ผู้ริเริ่มสร้างจตุคามรามเทพอันลือลั่น ปราบปรามจนราบคาบ และภายหลังต่างก็กลับตัวเป็นคนดี เช่น เสือมเหศวรต่อมาก็ได้บวชเป็นพระและพราหมณ์


ส่วนเสือในวงการบันเทิงก็มีไม่น้อย เช่น เสือ-ธนพล อินทฤทธิ์ นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดัง ผู้แต่งเพลง “เก็บตะวัน” ให้อิทธิ พลางกูร จนกลายเป็นเพลงประจำตัวของอิทธิ และได้รับความนิยมมาจนปัจจุบัน ส่วนเพลงที่เขาร้องเอง และได้รับการต้อนรับอย่างดีจากแฟนเพลง ก็มีเพลง ใจดีสู้เสือ, กระดาษห่อไฟ, มีอะไรยั่งยืน เป็นต้น สำหรับเสือที่เป็นขวัญใจเด็กๆ ก็มี การ์ตูนญี่ปุ่นที่โด่งดัง คือ หน้ากากเสือ ซึ่งเป็นเรื่องราวของนักมวยปล้ำฝีมือดีจากถ้ำเสือ ผู้อุทิศตนเพื่อเด็กกำพร้า ส่วนพิงค์แพนเตอร์ (Pink Panther) ก็เป็นการ์ตูนที่มีเจ้าเสือโย่งสีชมพูสดใส ผู้มีอารมณ์ขัน และมีความชาญฉลาดเป็นตัวชูโรง ส่วนเจ้าทิกเกอร์ (Tigger) ก็เป็นเสือการ์ตูนหนึ่ง ในกลุ่มเพื่อนของหมีพูห์ (Pooh) แห่งค่ายวอล์ท ดีสนีย์


เสืออีกชนิดที่เป็นเรื่องเล่ามาแต่โบราณ และมีคนเชื่อว่ามีอยู่จริง คือ เสือสมิง กล่าวกันว่า มาจากคนที่เรียนรู้อาคมจนแก่กล้า แล้วร่ายคาถาจำแลงร่างเป็นเสือโคร่งได้ แต่ไม่สามารถกลับคืนร่างเป็นคนได้อีก จึงต้องกลายเป็นเสือสมิง เที่ยวจับคนกินเป็นอาหาร โดยมักจะแปลงร่างเป็นคนรู้จักไปหลอกพราน หรือชาวบ้านที่เข้าป่าไปหาอาหาร ดังนั้น คนโบราณจึงมักสอนว่า เวลาเข้าป่าหากมีคนเรียกให้ลงจากห้าง (ที่ซึ่งทำไว้บนต้นไม้ ไว้ดักยิงสัตว์) อย่าได้ลงมา เพราะอาจจะเป็นเสือสมิงแปลงร่างมาลวงก็ได้


นิทานพื้นบ้านเกี่ยวกับเสือก็มีทั้งของไทย และเทศ เช่น เรื่อง หลวิชัยคาวี ซึ่งเป็นเรื่องลูกเสือผู้กตัญญูต่อแม่โคที่ให้นมแก่ตน จนยอมฆ่าแม่เสือ ที่ตระบัดสัตย์ฆ่าแม่โค จากนั้นได้สาบานตน เป็นพี่น้องกับลูกวัวท่องเที่ยวไปด้วยกัน จนฤษีได้ชุบให้เป็นคน และก็มีเรื่องราวตามมาอีกมากมาย ส่วนของจีนก็มีเรื่อง บู๋ซ้ง ผู้กล้าที่สามารถฆ่าเสือได้ด้วยมือเปล่า และเป็นหนึ่งในผู้กล้าของวรรณคดีชิ้นเอกของจีน ทางด้านสำนวนไทย สุภาษิตและคำพังเพยเกี่ยวกับเสือ มีหลายสำนวนด้วยกัน เช่น เสือกระดาษ หมายถึง ประเทศ องค์กร หรือผู้ที่ทำทีประหนึ่งว่ามีอำนาจมาก แต่ความจริงไม่มี


เสือซ่อนเล็บ ผู้ที่เก่งกล้าสามารถ แต่ไม่ยอมแสดงให้ปรากฏ, เสือรู้ คนที่มีไหวพริบหรือฉลาดเอาตัวรอด, เสือหิว คนที่อยากได้ผลประโยชน์โดยไม่เลือกว่าควร หรือไม่ควร, หนีเสือปะจระเข้ หมายถึง หนีภัยอย่างหนึ่งมา แล้วต้องมาพบภัยอีกอย่างหนึ่ง, เขียนเสือให้วัวกลัว ทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้อีกฝ่ายเสียขวัญหรือกลัวเกรง, เลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้ หมายถึง เลี้ยงลูกศัตรูหรือลูกคนพาล ทำให้เดือดร้อนภายหลัง, ฝากเนื้อไว้กับเสือ หมายถึง ไปไว้วางใจคนที่ไม่ควรไว้วางใจ, เสือนอนกิน คนที่ได้รับผลประโยชน์โดยไม่ต้องลงทุนลงแรง, หน้าเนื้อใจเสือ หมายถึง คนที่มองดูภายนอกเหมือนคนซื่อหรือคนดี แต่ที่จริงแล้วเป็นคนร้าย


ตามตำราพรหมชาติฉบับหลวง บอกไว้ว่า คนเกิดปีขาลเป็นพวกธาตุไม้ ผีเสื้อผู้หญิง เป็นคนเจรจากระด้าง มักพูดโอหัง ชอบเจรจาแต่เรื่องผู้หญิง และมักเจรจาตลกคะนอง ทำตัวไม่เป็นทุกข์อยู่เสมอ ชอบการช่าง และเรียนวิชาความรู้ต่างๆ ทำราชการมักถูกย้ายที่อยู่เนืองๆ ทำมาค้าขายกับต่างแดน ต่างจังหวัดจะดี ชอบกามารมณ์ ส่วนคำทำนายโดยทั่วไป กล่าวว่า คนปีขาลมีลักษณะเป็นผู้นำ ชอบเสี่ยง และทำก่อนคิด แต่เป็นคนโชคดีและมักเอาตัวรอดได้เสมอ กล้าทำตามความเชื่อของตนเอง เป็นที่ชื่นชมของผู้อื่น แต่มักเป็นคนอารมณ์ร้อน ความรู้สึกไว และใจน้อย


ตามโหราศาสตร์จีน เชื่อว่า คนเกิดปีขาลจะสมพงษ์กับคนเกิดปีกุน และจะไม่ถูก(ชง) กับคนปีวอก นอกจากนี้ ตำราทายฝันยังได้กล่าวไว้ว่า หญิงชายใดฝันว่าได้ขี่เสือ ทายว่า จะมีอำนาจวาสนา หรือได้รับการเลื่อนตำแหน่งหน้าที่ ถ้าฝันว่าถูกเสือกัด ทายว่า จะได้โชคลาภจากเพศตรงข้าม ถ้าฝันว่าฆ่าเสือตาย ทายว่า จะหมดเคราะห์หรือหมดศัตรู ที่เจ็บป่วยจะหาย สุดท้ายขอแนะนำให้รู้จักกับคนดัง ที่เกิดในปีขาล อันได้แก่ ขุนแผน, หนุมาน พระเอกและทหารเอกในวรรณคดีของไทย นอกจากนี้ยังมี บีโธเฟน คีตกวีและนักเปียโนชาวเยอรมัน, โฮจิมินห์ ประธานาธิบดีเวียดนาม และมาริลิน มอนโร ดาราเซ็กซี่ชื่อดังของอเมริกัน เป็นต้น ทั้งหมดข้างต้น คือเรื่องราวของ “เสือ” ในแง่มุมต่างๆ ซึ่งหวังว่าจะทำให้ผู้อ่านได้รู้จักเสือเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย ที่สำคัญ คือ ขอให้ปีเสือปีนี้ เป็นปีที่ทุกคนเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ และความคิดอันชาญฉลาดจะต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายและเอาชนะอุปสรรคทั้งหลายทั้ง ปวงได้




***เรียบเรียงจากหนังสือสารคดี สัตว์ 12 นักษัตรไทย, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน, วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ข้อมูลข่าว : น.ส.ทัศชล เทพกำปนาท สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
อัพเดทโดย : ศศิวิมล อัพเดตเมื่อ 10:09:07 2009
by : http://variety.mcot.net/
MCOT Variety : Art&Culture

Views: 123

Reply to This

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service