Thailand's Creative Art & Design Community

สาวเรียลลิตี้โชว์เป็นปลื้ม เปลือยรณรงค์ต่อต้านทารุณสัตว์กับ PETA

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 ธันวาคม 2552

เบธเธนนี่ แฟรงเกล
--------------------

โครงการนู้ดเพื่อต่อต้านการทารุณสัตว์ของ PETA กลับมาอีกครั้งคราวนี้เป็น "เบธเธนนี่ แฟรงเกล" สาวสวยจากเรียลลิตี้โชว์ของอเมริกา ที่ยินดีมาเปลื้องผ้าต่อต้านการใช้ขนสัตว์เป็นเครื่องนุ่งห่ม

เบธเธนนี่ แฟรงเกลกลายเป็นคนดังรายล่าสุดที่ยอมเปลื้องผ้าถ่ายแบบรณรงค์ปกป้องสิทธิ์ สัตว์ให้กับองค์กรเอกชน PETA ภาพเปลือยด้านหลังของสาวจากรายการรายการ The Real Housewives of New York City ถูกทำเป็นป้ายขนาดใหญ่กว่า 58 ฟุต ตั้งตระหง่านกลางย่านไทมส์สแควร์ในนิวยอร์ก ที่ถนนสาย 53 บรอดเวย์ ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นเตือนให้คนเลิกใช้เสื้อผ้าที่ทำจากขนสัตว์

"มันดูมีรสนิยม และสวยมากๆ ค่ะ" เจ้าตัวกล่าวกับหนังสือพิมพ์ นิวยอร์กโพสต์ ว่า "ฉันพอใจกับงานครั้งนี้มากนะคะ โดยเฉพาะมันดูสมจริงมากๆ เหมือนกันไม่ได้มีการแต่งภาพอะไรเลย ซึ่งตอนถ่ายรูปนี้ฉันเริ่มตั้งท้องด้วยแท้ๆ" เจ้าตัวยังกล่าวอีกว่า" ซึ่งการตั้งท้องนี้เอง กลายเป็นสิ่งที่เพิ่มความน่าสนใจให้แก่ภาพนู้ดของ เบธเธนนี้ เฟรงเกล มากขึ้น

“ฉันตื่นเต้นมากๆ เลยคะ ที่รู้ว่ารูปของตัวเองไปอยู่บนป้ายบิลบอร์ดที่ใหญ่แบบนั้น เป็นบิลบอร์ดที่ทุกคนจะได้เห็น ทั้งตอนซื้อของวันคริสต์มาส หรือฉลองวันสิ้นปี" สาวคนดังวัย 37 ปีกล่าวด้วยความยินดี

นักแสดงสาวยังเผยว่าการร่วมงานในโครงการนู้ดเพื่อคุ้มครองสัตว์ ขององค์กรเอกชนรายนี้มันได้เปลี่ยนมุมมองของเธอต่อเรื่องดังกล่าวไปเลย "ฉันเคยใส่เสื้อผ้าขนสัตว์เหมือนกันนะคะ แต่หลังจากเห็นผู้ประท้วงของ PETA ถือหนังสัตว์ในการประท้วงครั้งหนึ่ง ฉันก็สึกแย่ขึ้นมาทันทีเลย ทีคนใส่เสื้อผ้าที่ทำจากสัตว์ เพียงแค่ต้องการอวดรวย หรือแสดงฐานะทางสังคมของตัวเองเท่านั้น”

แน่นอนว่า เบธเธนนี่ แฟรงเกล ไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่ถ่ายนู้ดให้กับโครงการของ PETA และคงจะไม่ใช่คนสุดท้าย ดาราสาวจำนวนมากยินดีเปลือยเพื่อสนับสนุนโครงการนี้ แต่ก็มีคำกล่าวหาว่าการใช้เรือนร่างของผู้หญิงสร้างกระแสเช่นนี้ ซึ่งสร้างคำถามกับหลายๆ คนว่ามันได้ผลจริงหรือ

โครงการนู้ดเพื่อการปกป้องสิทธิ และต่อต้านการทรมานสัตว์ในทุกรูปแบบของ PETA ที่ผ่านมามีทั้งการสนับสนุนการมังสวิรัติ, ต่อต้านการใช้เสื้อผ้าที่ทำจากขนสัตว์ รวมถึงการต่อต้านการเพาะเลี้ยงสัตว์เพื่อการนี้ ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในการสร้างกระแสในวงกว้าง

โจแอนนา ครูปา
----------------------

โฆษณาชุดที่มีปัญหากับ คาทอลิก
----------------------------

องค์กรอย่าง PETA ก็ดูจะถนัด และมีประสบการณ์ในการสร้างความสร้างกระแสในลักษณะนี้เป็นอย่างดี ไม่ใช่เฉพาะการใช้รูปเปลือยของผู้หญิงเท่านั้น ในโฆษณาสนับสนุนการรับสัตว์เลี้ยงจากศูนย์สัตว์เร่รอน ที่มีนางแบบชื่อดัง โจแอนนา ครูปา มาเป็นแบบเมื่อเดือนก่อน กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวเมื่อมีการจัดฉาก วางรูปแบบของการถ่ายภาพ ที่อ้างอิงไปถึง คริสต์ศาสนา ตั้งแต่ปีกทูตสวรรค์ และไม้กางเขนที่นางแบบชื่อดังถือ

ขณะเดียวกันกลุ่มที่ถือเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ PETA มาพอสมควรก็คือ กลุ่มรณรงค์เกี่ยวกับเรื่องสิทธิ์ของสตรี ที่คิดว่า โครงการนู้ดของ PETA นั้นเกินขอบเขต และเข้าข่ายที่สร้างภาพลบให้กับสตรีไปแล้ว "ได้โปรดหยุดการสร้างภาพลบ และความหมายอันย่ำแย่ให้กับผู้หญิงแบบนี้เสียที หยุดการใช้รูปของผู้หญิงที่เกือบเปลือย ในโฆษณาที่มีคำพูดสวยหรูเหล่านี้เสียที PETA ควรจะเป็นหน่วยงานที่มีแนวคิดก้าวหน้า แต่ทำไมโฆษณา และบิลบอร์ดขององค์กร จึงวนเวียนอยู่กับเรื่องที่ดูหมิ่น และมองสตรีเป็นวัตถุทางเพศแบบนี้”

นอกจากนั้นกลุ่มสตรีนิยม ยังตั้งคำถามว่า การโฆษณาฉาบฉวยแบบนี้สามารถโน้มน้าวคนในระยะยาวได้อย่างแท้จริงหรือ

ทาง PETA ได้ออกมาตอบข้อซักถามดังกล่าวว่า การใช้ภาพล่อแหลมแบบนี้จำเป็นต่อภารกิจของพวกเขาอย่างแน่นอน การรณรงค์เรื่องหยุดการทารุณสัตว์จำเป็นต้องส่งไปให้ถึงกับคนทุกกลุ่ม แบบขาดตกบกพร่องไม่ได้ ซึ่งนั่นต้องอาศัยรูปของของการรณรงค์ และโฆษณาที่หลากหลาย “PETA ต้องพูดถึงเรื่องนี้กับคนทุกแบบทุกรสนิยม ตั้งแต่พวกอนุรักษ์นิยมจัด ไปถึงพวกหัวรุนแรง หรืออาจจะบอกว่า ตั้งแต่คนไร้รสนิยมสุดๆ ไปจนถึงคนรสนิยมดีสุดๆ ก็ได้นอกจากนั้น การใช้ภาพนู้ดพวกนี้ ก็ไม่ได้เป็นสื่อหลักของ PETA แต่เป็นการตอกย้ำถึงประเด็นหลักของเรามากกว่า”

---------------------

แม็กกี้ คิว
---------------------

โฆษณาที่ทาง PETA หยิบขึ้นมาเป็นตัวอย่างว่า ไม่ได้ขายแต่สาวเปลือยเท่านั้น
--------------------

แม้หลายคนจะออกมาแซวว่า โครงการพวกนี้คงช่วยกระตุ้นให้มีการฆ่าและล่าสัตว์ต่อไปแน่ เพราะจะได้มีผู้หญิงสวยมาเปลือยให้ดูกันอีกต่อไปเรื่อยๆ แต่ทาง PETA ก็ออกมายืนยันว่าโครงการของพวกเขามันได้ผลจริงๆ “มันพิสูจน์แล้วว่ามันได้ผล ตั้งแต่สองทศวรรษที่ PETA ก่อตั้งขึ้นมา จนกลายเป็นองค์กรเพื่อสิทธิสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสมาชิกกว่า 2 ล้านคน มีผู้สนับสนุนทั่ว” ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่า คนเห็นด้วยกับ PETA มากขึ้นเรื่อยๆ