"แนน สาธิดา" นักร้องไทย กระหึ่มไกล ก้องโลก

“แนน สาธิดา พรหมพิริยะ” สาวร่างเล็ก ทว่าน้ำเสียงเธอทรงพลัง จนใครๆ ฟังแล้วต้องปรบมือให้ เธอก้าวไปสู่การประกวดร้องเพลงบนเวทีระดับโลก “World Championships of Performing Arts ” (WCOPA) หรือเรียกว่า เป็นการแข่งขันโอลิมปิกในการประกวดร้องเพลง เธอคว้ารางวัลเหรียญทอง 5 รายการจากการแข่งขันนี้ได้สำเร็จในฐานะตัวแทนประเทศไทยโดยไม่มีการสนับสนุนจากภาครัฐ … แล้วเธอจะทำให้รู้ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็ต้องรออยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน 

บันได ก้าวแรก 

 

“ถ้าแนนไม่รัก ก็คงไม่พยายามทำด้วยใจจริงๆ” ประโยค เพียงสั้นๆ ที่ทำให้ ผู้หญิงตัวเล็กๆ จากเมืองไทย พยายามเดินทางตามความฝันของตนเองให้ก้าวขึ้นสู่เวทีการร้องเพลงในระดับโลก แม้ว่าหนทางข้างหน้ายังเป็นเพียงแสงไฟอันริบหรี่ แต่แววตาที่ถ่ายทอดความรู้สึกขณะที่กำลังนั่งพูดคุยกับเธอ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่น 

แนนชอบฟังเพลงมาตั้งแต่เด็ก แต่อยากจะบอกว่าแนนเพิ่งจะเริ่มชอบร้องเพลงตอนอายุ 18 ปี ทว่าก่อนหน้านี้ เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาชื่นชอบทางด้านการร้องเพลง เพราะพ่อแม่ไม่มีใครร้องเพลง ส่วนตนเองก็เรียนมาทางด้านนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และความสามารถของแนนเคยแข่งขันว่าความในระดับนานาชาติ ทว่าประสบการณ์ในการว่าความของเธอทำให้รู้สึกว่าตนเอง มีปมด้อยเสียด้วยซ้ำ 

“แนนเสียงเล็กมากเลยค่ะ เล็กเหมื

 

อนการ์ตูน รู้สึกว่าตัวเองอยากมีเสียงเท่ๆ บ้าง อยากเป็นนักกฏหมายที่มีเสียงเท่ๆ ก็เลยไปหาที่เรียนร้องเพลง เอาประเภทเพลงที่ต้องใช้เสียงดังๆ ก็เลยได้ไปเจอกับเพลงแนวโอเปรา ฟังแล้วแนนรู้สึกชอบ ก็เลยไปเรียนขำขำค่ะ” 

จากเด็กเรียนกฏหมายสู่การเรียนร้องเพลงแนวโอเปร่าครั้งแรก ตอนอายุ 18 ปี ทำให้แนนรู้สึกตกใจกับการใช้เสียงร้อง เพราะเป็นเรื่องที่เธอไม่เคยเรียนมาก่อน แนนเริ่มเรียนร้องเพลงครั้งแรก กับ “ครูต้น - เนติ กันตถาวร” 1ปีเต็มที่ครูต้นคอยเคี่ยวเข็ญถ่ายทอดความรู้ให้แก่เธอเพื่อการแข่งขันร้องเพลง “CU Singing Contest” และเพื่อการสอบด้านการร้องเพลง ในระดับ LLCM ซึ่งเป็นการสอบจากสถาบัน London College of Music and Media ในปี 2006 

“ตอนที่แข่งขันซิงกิ้งที่จุฬาฯ มีเวลาแค่หนึ่งเดือน อาจารย์ทั้งเคี่ยวเข็ญ เราก็ได้ถ้วยรางวัลชนะเลิศมาค่ะ คงเป็นเพราะเรากลัวอาจารย์มั้งค่ะก็เลยร้

 

องได้มา” 

เมื่อการได้แชมป์ในการร้องเพลงครั้งแรก ความมั่นใจของเธอจึงเพิ่มมากขึ้น และทำให้เธอเข้าสู่การประกวดแข่งขันชิงแชมป์ร้องเพลงระดับประเทศ ซึ่งจัดขึ้นโดยกรมประชาสัมพันธ์ และได้รับรางวัลประทานจากหม่อมเจ้าหญิงอุบลรัตนฯ และเพลงที่แนนเลือกร้องในวันขึ้นประกวดร้องเพลงในวันนั้นคือเพลง “ความฝันอันสูงสุด” 

เส้นทางการได้แชมป์ในระดับประเทศของแนนล้วนมีที่มาที่ไป ที่ทำให้เห็นว่าเพราะความพยายามที่จะตามหา “อาจารย์ สันติ ลุนเผ่” ผู้ขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์เพลง “ความฝันอันสูงสุด” 

“ตอนนั้นแนนเองทราบเพียงแค่ว่าอาจารย์สันติท่านเป็นผู้ขับร้องเพลงนี้ แต่แนนเองอยากให้ท่านสองแนนร้องเพลงนี้มาก เลยตามหาอาจารย์และก็ให้ท่านช่วยสอนแนน ท่านเองก็ใจดีสอนให้โดยไม่คิดค่าตอบแทนสักบาท แนนจึงได้ทั้งวิชาและแรงบันดาลใจในการร้องเพลงมาจากท่านค่ะ 
การได้แชมป์ในการแข่งขันครั้งนั้นแนนเองก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไรเหมือนกันที่ทำให้ได้รับรางวัลมา เพราะในการแข่งขันมีคนเก่งๆ เยอะมากๆ ค่ะ แนนเองคิดว่าคงเป็นเพราะความโชคดีของแนนด้วยมั้งค่ะ” 


ก่อนถึงเวทีระดับโลก 

 

คงไม่ผิดถ้าจะใช้คำว่า “ความพยายาม” เท่านั้นที่ทำให้เธอได้ก้าวไปได้ ระยะเวลากว่า 2 ปี ที่ทำให้เธอสามารถผลักดันตัวเองให้ก้าวขึ้นเวทีระดับโลกได้ 

ในปี 2008 แนนได้รู้จักกับเวทีการประกวด “World Championships of Performing Arts ” (WCOPA) ซึ่งถือเป็นเวทีโอลิมปิกในด้านของการร้องเพลง ด้วยความบังเอิญที่เธอได้ไปฟังคลิปเพลง “The Impossible Dream” ของ “Jed Madela” ใน Youtube แล้วรู้สึกประทับใจกับการร้องเพลงของเขามาก แนนจึงรีบไปเสิร์ชดูว่า เขาคือใคร มาจากไหน 

“แนนก็ได้พบว่าเขาได้ Grand Champion และ 5 Gold Medal จากการแข่งขัน WCOPA ในปี 2005 หลังจากนั้นก็ทำให้แนนได้รู้จักกับเวทีนี้ ซึ่งเป็นในลักษณะที่เรียกว่า Talent Olympics” 

หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับเวทีดังกล่าวแล้ว แนนจึงตัดสินใจเขียนจดหมาย หา “Griff O'Neil” ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานของการแข่งขันในครั้งนั้น และวันเดียวกันนั้นเอง คำตอบที่เธอได้รับกลับมาหลังจากที่เธอส่งไปว่า เธอจะสามารถลงแข่งขันร้องเพลงบนเวทีได้อย่างไร คือ เธอไม่สามารถสมัครในฐานะบุคคลได้ ต้องลงสมัครในนามของประเทศโดยต้องมี การจัดตั้ง Thailand Nation Director เพื่อทำการคัดเลือกตัวแทนประเทศไทย ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยไม่มีการแข่งขันในลักษณะเช่นนั้น 

 

“แนนไปประกวดไม่ได้ แนนต้องถูกส่งเป็นตัวแทนประเทศเท่านั้น เราเป็นใคร ไม่มีสิทธิ์หรอก แล้วแข่งขันก็ต้องมีการเคยลงสื่อหนังสือพิมพ์ของประเทศด้วย แนนไม่มี หาไม่ได้ ก็เลยถามเขาว่า เคยมีคนไทยเข้าแข่งขันบ้างมั้ย เขาเลยบอกว่า เมื่อ ปี 2004 คนไทยที่อยู่ใน L.A. เค้าเคยประกวดและได้รางวัลชุดประจำชาติกันมาด้วยนะ ” 

ถ้าถามว่าแนนส่งตัวเองเข้าประกวดได้ยังไง เธอใช้ลูกตื๊ออยู่นานมากเหมือนกัน และก่อนหน้านั้น “ทอม” นักร้องนำวง room 39 เคยประกวดบนเวทีดังกล่าวมาแล้ว ด้วยการคว้ารางวัลเหรียญเงินมาครอง 

“เริ่มโทร.หาผู้จัดการส่วนตัวน้องทอมค่ะ เขาก็เล่าให้ฟังว่าตอนนั้นเขาอยู่แอลเอ เลยประกวดได้ ตอนนั้นมีหลายเชื้อชาติมากที่เข้าประกวด ยิ่งคุยกับน้องทอม ยิ่งทำให้รู้สึกว่าอยากประกวดมากขึ้น เราก็นึกขึ้นมาได้ว่าเราเคยประกวดได้แชมป์ประเทศไทยนะ แต่เราเองก็ไม่ได้บอกเขา พอบอกเขาว่าเราเคยได้รางวัลจากกรมประชาสัมพันธ์ เมื่อปี 2006 นะ แค่นี้พอได้มั้ย เขาก็เลยบอกว่าจะพิจารณาเป็นพิเศษ ซึ่งต้องผ่านคณะกรรมการที่เขาตั้งขึ้นมา ถ้าผ่านแล้วถึงจะไปได้ เราก็ส่งโปร์ไฟล์ ส่งวิดีโอให้เ

 

ขาคัดเลือก ตื๊ออยู่ประมาณ 2 ปีค่ะ ก็ได้รับการตอบรับให้เข้าแข่งขัน” 


ระหว่างทางเดินสู่ความฝัน 

หลังจากได้รับการตอบรับเพื่อขึ้นประกวดบนเวทีแห่งความฝัน แนนเริ่มการเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันนี้เมื่อต้นมกราคม 2011 โดยมีหลากหลายอย่างที่แนนจะต้องมาจัดระเบียบตารางในแต่ละวันถึงสิ่งที่เธอต้องทำก่อนการแข่งขันจะมาถึง 

ก่อนอื่นแนนเริ่มทำเอกสารสมัคร เตรียมตัวเลือกประเภทที่จะลงแข่งขัน ในการประกวดครั้งนี้ถือเป็นเวทีที่จะให้ทุกคนได้ทำการแสดง ซึ่งถือว่าเป็นเวทีแห่

 

งการแสดงออกความสามารถที่หลากหลาย มีผู้เข้าแข่งขันกว่า 40 ประเทศ และมีให้เลือกสมัครถึง 14 รายการในสายของการร้องเพลง ซึ่งแต่ละทีมสามารถสมัครได้มากที่สุดเพียงแค่ 5 ประเภทเท่านั้น และแนนก็ตัดสินใจเลือกลงสมัครจัดเต็ม 5 ประเภทการแข่งขัน ทั้ง Broadway/Musical , Pop,Opera,R7B/Soul/Jazz และ World Music 

“กว่าแนนจะเลือกได้ แนนศึกษาดูจากแชมป์เมื่อปีก่อนๆ มากมาย เพื่อดูว่าคนที่เขาทำสำเร็จใช้เพลงแบบไหน และจะต้องหาเพลงที่มีความลงตัวเพียงแค่ 60 วินาที ตามกฎการแข่งขัน เพราะถ้าหากเกินเวลาจะต้องถูกปรับลดคะแนนลง 25 % ก็เลือกออกมาหลายสิบเพลงแล้วค่อยๆ ลองร้องและปรับจูนให้เหมาะสมและดีที่สุด โดยแนนมีครูจุ้ย สุรุจ ปรีดารัตน์ เป็นที่ปรึกษาค่ะ” 

เริ่มต้นการซ้อมด้วยการทำเพลงดนตรีประกอบด้วยเปียโนสำหรับการแข่งขันโดย คุณ “มด-ภูตินันท์ ดีสวัสดิ์มงคล” มีการจัดตารางซ้อมและสอนร้องเพลง เพราะแนนมีอาชีพหลักเป็นครูสอนร้องเพลง สอนจนถึงเดือนเมษายน และขอเวลาลูกศิษย์ทุกคนเพื่อมาเตรียมตัวอย่างเต็มที่ก่อนการประกวด และอาจจะมีการรับงานบ้างซึ่งถือเป็นงานที่เธอภาคภูมิใจอย่างมากในงานแสดงร้องเพลงที่พระบรมมหาราชวัง ในงานแสดง 84 พรรษามหาราชา วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 

“แนนเรียนร้องเพลงทุกประเภททั้

 

งเพลง Broadway/Musical และเพลงไทยในแนวเพลง World Musical,Pop,R7B/Soul/Jazz กับครูจุ้ย สุรุจ และเพลง Opera กับครูใบหม่อน ศิโยน ดาวรัตนหงส์,ครู Kim jun Man และได้พบกับครูต้น เนติ กันตถาวร โดยบังเอิญอีกครั้งหลังจากไม่เจอกันนาน จึงได้ครูต้นมาช่วยดูแลและเป็นคอมเมนเตเตอร์ให้อีกแรงค่ะ” 

นอกจากเรียนร้องเพลงแล้ว แนนยังเรียนเต้นแจ๊ซและเรียนเต้นบัลเลต์ เพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการฝึกฝนท่าทางการเดิน มีตารางออกกำลังกายทุกวัน เพราะตนเองเป็นหวัดง่ายมาก ซ้อมร้องเพลง 6-10 ชั่วโมงต่อวัน ซ้อมร้องเพลงหนึ่งไม่ต่ำกว่า 5,000 รอบ รวมทั้งหมด 5 เพลง ก็ 25,000 รอบ ก่อนขึ้นไปประกวด 


กวาดเหรียญทอง 5 รายการ 

หลายครั้งที่เธอเข้าแข่งขันในระดับนานาชาติ ทั้งการประกวดว่าความเมื่อครั้งเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ทุกครั้งที่เธอไปแข่งขันอะไรก็ตามบนเวทีใหญ่ๆ มักคิดอยู่เสมอว่าตนเองเป็นใครสักคนที่เล็กมาก คิดเพียงแค่ว่าได้ไปประกวดก็ดีมากพอแล้ว 

“ไม่เคยคิดว่าไปแล้วจะต้องคาดหวังรางวัลหรืออะไรกลับมา ครั้งนี้ไปประกวดด้วยความเครียด กดดัน เพราะเมื่อคุณได้ขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีชื่อของเราจะต้องมีคำว่า “Thailand” ต่อท้ายด้วย เราไปในนามประเทศนะ ยิ่งเครียดใหญ่เลย แนนไปถึงแนนเป็นคนไ

 

ฮเปอร์มาก รีบไปลงทะเบียนเป็นคนที่สองเลยค่ะ แล้วมีคนอเมริกันต่อท้ายแถวสองคน ก็ทักทายเขา ตอนก่อนขึ้นประกวด จะมีเทรนเนอร์ให้ แนนตื่นเต้นและเครียดมาก เจอชาติอื่นๆ มากันหลายคน แต่เราเป็นทีมจากไทยแลนด์ซึ่งทีมไทยมีคนเดียวค่ะ” 

แนนบอกว่าทีมที่น่ากลัวมากที่สุด คือทีมที่มีคนฟิลลิปปินส์ ร่วมอยู่ในทีมด้วย เพราะที่ผ่านมาแชมป์ส่วนใหญ่มันจะเป็นชาวฟิลลิปปินส์ ซึ่งทีมจากฟิ

 

ลลิปปินส์ไม่ได้น่ากลัวเฉาพะทีมอย่างเดียว เพราะบางทีมมีชาวฟิลลิปปินส์รวมอยู่ด้วย อาจจะแทรกอยู่ในกลุ่มทีมแคนาดา หรือซาอุดิอาระเบีย ซึ่งนั่นยิ่งทำให้รู้ว่าคู่แข่งของตนเริ่มหินมากขึ้น 

น้ำเสียงอันทรงพลังของผู้หญิงร่างเล็กคนนี้ ทำให้คณะกรรมการชาวต่างชาติ นิ่ง และทึ่งกับน้ำเสียง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอพยายามมาตั้งแต่ต้น ปรากฎผลขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเธอคว้ารางวัลเหรียญทองในการประกวดมาทั้งหมด 5 รายการที่เธอลงแข่งขัน 

“เพราะว่าแนนเลือกเพลงที่เข้ากับเสียงร้องค่ะ เพราะว่าเวลาแข่งขัน หนึ่งนาที เราทำไงให้กรรมการประทับใจมากที่สุด แนนก็เลือกร้องเพลงป็อป เพลงที่คนเสียงใหญ่ๆ เขาร้องกัน แต่แนนอยากนำเสนอในมุมของแนน แล้วกรรมการคงตกใจมั้งค่ะที่ได้ฟังอีกมุมหนึ่งที่ไม่เหมือนกับต้นฉบับร้องกัน แนนคิดว่าถ้าเราได้ร้องในสิ่งที่ตนเองถนัดมากที่สุดมันจะง่าย แต่อะไรที่มันไม่ถนัดมันจะยากค่ะ” 
ประสบการณ์บนเวทีระดับโลกในครั้งนี้ทำให้แนนได้เรียนรู้และได้ลองฝึกฝนกับมืออาชีพ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การฝึกฝนแบบตัวต่อตัว ภาพรวมแล้วเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ได้เจอครูที่ดี บางครั้งแนนก็เคยอ่านหนังสือที่หลายคนเขียนมาก่อน เมื่อได้สัมผัสกับตัวจริงๆ ก็ทำให้ดีใจมากค่ะ สำหรับเมืองไทยแล้ว มีอาจารย์หลายท่านที่มีความสามารถแต่ไม่มีใครรู้จัก สามารถเทียบเท่ากับต่างชาติได้ 

 


ผลงานที่ผ่านมา 

ย้อนกลับมา หากมีใครพอจำได้ ชื่อของ แนน สาธิดา พรหมพิริยะ คือหนึ่งในนักร้องที่เคยออกอัลบั้มเพลงในแนวบอสซาโนวา เคยร่วมร้องกัยค่าย เลิฟอีส ของบอย โกสิยพงศ์ เจ้าพ่อเพลงรักของเมืองไทย บ้างเคยร้องเพลงประกอบละคร กลิ่นแก้วกลางใจ ร้องคอรัสให้นักร้องหลายๆคน และที่แนนภูมิใจมากกับงาน “วัฒนธรรมทอง เรืองรองรัตนโกสินทร์” ในงามเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา 
แม้ว่าเธอจะจบมาทางด้านกฏหมาย แต่แนนมีอาชีพเป็นครูสอนร้องเพลงซึ่งครั้งแรกที่เธอได้บอกกับคุณพ่อคุณแม่ครั้งแรก ทำให้ท่านรู้สึกตกใจและงุนงง เพราะท่านอยากให้เธอมีอาชีพที่มั่นคง 

“บอกท่านครั้งแรกว่าเราอยากเป็นครูสอนร้องเพลง ท่านงงมากเพราะท่านอยากให้แนนเป็นเหมือนท่านที่มีอาชีพที่มั่นคง แต่แนนเองก็เริ่มหาเงินเองเพื่อไปเรียนร้องเพลงเองตั้งแต่อายุ 18 ค่ะ ซึ่งมันแพงมาก เราก็ต้องช่วยเหลือตัวเองตลอด ไปแข่งขันได้เงินรางวัลมาก็เอาไปสมัครเรียนร้องเพลงบ้าง เรียนเปียโนบ้าง แต่ที่บ้านก็ไม่ได้ห้ามนะค่ะ ช่วงนั้นแนนก็สอนร้องเพลงไปด้วย 7 วันเลยค่ะ สอนทุกวันวันละ 3-4 ชั่วโมง” 

วิธีการสอนของครูแนน มีเพียงแค่ความเชื่อมั่นว่า “ถ้ามีความรักแล้วมันมีใจให้แล้วจะรู้สึกไม่เหนื่อยในสิ่งที่ทำ คนที่มาเรียนกับครูแนน ก็รักการร้องเพลงทุกคน” แนนจะดูว่าเขาต้องแก้ไขตรงไหน เอาที่เคยศึกษามาจากอาจารย์ที่ท่านเคยสั่งสอนแนนมาถ่ายทอดให้แก่ลูกศิษย์ของตนเอง 

 

“บางครั้งแนนเองก็แอบเรียนในยูทูบนะค่ะ เสิร์ชมาดูตลอด เราก็จะสามารถช่วยให้เขารู้ว่าเขาถนัดการร้องแบบไหน บางคนคิดว่าตัวเองชอบร็อกแต่พอไปลองในสไตล์อื่นๆ ก็เริ่มรู้สึกชอบขึ้นมา เด็กตัวเล็กๆ บางคนก็อัดวิดีโอมาให้ดู” 


อยากให้รัฐฯ สนับสนุนศิลปะแบบไทย 

การไปประกวดครั้งนี้ ในนามของประเทศไทย โดยไม่มีรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุน และต้องตกใจว่า เธอก้าวไปสู่ระดับการประกวดเวทีโลกด้วยตัวเธอเองและคนรอบข้างที่คอยสอนและให้กำลังใจเธอ นอกจากอาจารย์ที่คอยสอนเคล็ดลับวิชาการร้องเพลงให้แล้ว ยังมีคุณต้น ผู้ที่เป็นสามีคอยช่วยสนับสนุนให้เธอได้มีกำลังใจในทุกครั้งที่เธอท้อ หมดหวัง เครียด และร้องไห้มานับครั้งไม่ถ้วน 

“แนนมีมุมเครียดเยอะมาก เค

 

รียดง่ายอยู่แล้ว บางวันร้องดี ร้องไม่ดี ก็เก็บเอามาเครียด คิดอยู่ตลอดเวลาว่ากรรมการจะชอบเรามั้ย จะส่งความสุขให้แก่ผู้ฟังยังไง พี่ต้นเองก็รู้ว่าแนนเองผ่านอะไรมามากมาย ร้องไม่ดีก็เครียด แต่แนนจะเป็นคนร้องเพลงแล้วมีความสุขนะค่ะ เห็นคนฟังมีความสุข เราก็มีความสุข แนนเองก็อยากเป็นทั้งผู้ฟังและเป็นครูที่ดีด้วยค่ะ ” 

แนนบอกว่า มีหลายคน ถามว่าทำไมแนนไม่ของบจากรัฐบาล ซึ่งแนนเองก็คิดว่า ไม่อยากให้เขามาว่าเรา เพราะแนนเองก็ไม่ได้ติดขัดอะไร ไม่ได้ใช้งบอะไรมากมาย เพราะแนนตั้งใจเก็บเงินส่วนตัวไปประกวดตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่แนนจะดีใจมากถ้าเวทีนี้เป็นเวทีที่จะทำให้คนไทยและรัฐบาลช่วยกันสนับสนุน เพราะคนไทยเก่งๆ มีเยอะมาก คนไทยเก่งเรื่องศิลปะ การแสดง การแสดงโขนเป็นศิลปะที่สวยงามมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจะทำให้เป็นหนึ่งในระดับโลกได้ค่ะ 



สุดท้ายเธอแนะนำสำหรับคนที่มีความฝันและอยากก้าวไปสู่ความฝันของตนเอง แบบแนนบ้าง และไม่ใช่เธอที่เป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่คิดว่าตนเองมีความสามารถ คนไทยของเรามีความสามารถอีกตั้งมากมาย ทั้งแชมป์กีตาร์ มวยไทย คนไทยเก่งเยอะมาก อยากให้มีการสนับสนุนเยอะๆ เพื่อจะได้เป็นแรงกำลังใจที่จะทำให้พวกเขาเหล่านั้นพยายามทำในสิ่งที่ตนเองรัก ทำด้วยความพยายามและด้วยใจจริงๆ 



ประวัติส่วนตัว 

ชื่อ สาธิดา พรหมพิริยะ 
ชื่อเล่น แนน 
การศึกษา มัธยมศึกษา โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 
ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
ปัจจุบัน ครูสอนร้องเพลง 

ผลงาน 
แชมป์ในการประกวดชิงแชมป์โลกของ

 

ศิลปะการแสดง คว้า 5 เหรียญทอง จากการประกวดประเภท บรอดเวย์, โอเปร่า, ป๊อป,ฟังเพลง, World R & B/ โซล/ แจ๊ส 


ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันร้องเพลงไทยที่จัดขึ้นโดยหน่วยงานของกรมประชาสัมพันธ์ 
ประสบความสำเร็จรางวัลชนะเลิศและออกเสียงลงคะแนนเป็นที่นิยมในประกวดขับร้องเพลงCU13 
ร้องเพลงประกอบละคร มาเฟียที่รัก,กลิ่นแก้วกลางใจ ฯลฯ

 



โดย : ทีมข่าว M-Lite ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์

ที่มา : ASTVผู้จัดการรายวัน 9 กันยายน 2554

Views: 911

Reply to This

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service