วรรณสิงห์ ราโชมอน จับวรรณกรรมใส่ดนตรี

วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งถูกเลือกให้เป็น 50 หนุ่มโสดในฝันของนิตยสารคลีโอ ปีล่าสุด และผลโหวตก็สูงติด 1 ใน 3 อีกด้วย 



และจบลงด้วยการคว้าตำแหน่งหนุ่มเท่และเก่งด้วยความคิด รับรางวัล “The Most Innovative Guy by MSN” ไปครอง 

ชื่อนี้ นามสกุลนี้ เป็นที่คุ้นเคยหลายวงการ ไม่ว่าจะในวงวรรณกรรม วงการบันเทิง แม้กระทั่งวงการเอ็นจีโอ ที่สำคัญไม่มีใครลืมว่า วรรณสิงห์ เป็นลูกไม้ของสองนักวรรณกรรมนักวิชาการ คือ ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล และจิระนันท์ พิตรปรีชา ทว่าสองชื่อนี้ไม่ได้เป็นใบเบิกทางสู่ความสำเร็จในทุกๆ งานของเขา หากแต่เขาเพียรสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง 

 

ล่าสุดกับวงดนตรีชื่อ “ราโชมอน” (Rhashomon) (ชื่อประตูเมืองญี่ปุ่น และชื่อผลงานเขียนของนักเขียนชาวญี่ปุ่น ที่สะท้อนให้เห็นมุมมองต่างๆ ที่มนุษย์ต้องพบเจอในชีวิตประจำวัน ซึ่งตรงกับคอนเซปต์ของวง) ที่วรรณสิงห์ก่อตั้งขึ้นมา และหาเพื่อนร่วมวงอีกสองคน ตำแหน่งนักร้องตกเป็นของ “ฟ้า-ธิราภรณ์ มิ่งเมือง” เพิ่งเป็นบัณฑิตหมาดๆ จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีประสบการณ์การร้องคอรัสให้กับวงอินดี้หลายวง และมือกีตาร์เป็นของ “สิน-วศิน ทวีทรัพย์” หนุ่มนักดนตรีอินดี้ตัวจริงเสียงจริง เป็นทั้ง ซาวด์เอนจีเนียร์ โปรดิวเซอร์เพลง และครูสอนกีตาร์ ส่วนวรรณสิงห์รับหน้าที่เบส เปียโน โปรแกรม กลอง เขียนเนื้อร้องและทำนอง ซึ่งพวกเขาได้สร้างสรรค์ผลงานอัลบั้มแรก “ชิน ซิตี้” (Shin City) ออกมาให้ได้ฟังกัน เป็นเพลงแนวแจ๊ซร็อกที่ไม่พูดถึงความรัก แต่เน้นเนื้อหาที่สะท้อนสังคมการเมืองในหลากมุม แอบหยิกหยอกนิดๆ ให้ผู้ใหญ่ในบ้าน (เมือง) แสบคัน แต่ดนตรีและสไตล์ขอย้ำว่าไม่ใช่เพลงเพื่อชีวิตแน่นอน 

อย่างเพลง “รินดา” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้หญิงที่ถูกค่านิยมของสังคมปัจจุบัน ซึ่งทุกอย่างถูกตีค่าด้วยเงินจนต้องหาเงินด้วยวิธีทางลัด “รินดา ชื่อนี้ได้สองสามพัน

 แม่เธอบอกเธอมีค่ากว่านั้น รินดา แม่เตือนไม่ฟัง ถ่างขาร่าเริงทุกวัน...” 


หรือเพลง “Too Long” ที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกต่อเหตุการณ์เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ของวิกฤตทางการเมือง แม้คำจะไม่ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “มันเหมือนว่านานแสนนาน ไกลจนลับตา ดั่งเป็นรอยสะอึกของเสี้ยวเวลา กี่คนที่หายใจ ด้วย...จินตนาการ กี่รักหายไป ด้วยอุดมการณ์” 

การทำงานอัลบั้มนี้ วรรณสิงห์ได้ปลุกปั้นมาก่อนแล้วสองปี ก่อนที่สมาชิกจะมาร่วมเป็นราโชมอนอีกหนึ่งปี ฟ้านักร้องนำเล่าว่า “พี่สิงห์เหมือนบะหมี่สำเร็จรูป เราสองคนเหมือนเป็นน้ำร้อนมาเติมก็พร้อมกินได้เลย (หัวเราะ)” 

 

“เร็ว แต่งานผมไม่รั่ว เพราะผมเป็นคนแบบ ถ้าไม่สมบูรณ์แบบไม่ยอมปล่อยออกมา และผมเป็นคนที่ทำงานมีระบบ ถ้าวางแผนว่าเพลงนี้ทำวันนี้เสร็จก็คือเสร็จ เพลงทั้งหมดผมทำมาประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือก็มาช่วยๆ กัน สินช่วยมิกซ์และใส่รายละเอียดของกีตาร์ ฟ้าเรื่องการร้อง แต่ที่ผมทำมาก่อนก็ไม่ได้เอาหมดแบบนั้นเลย ก็มาปรับเปลี่ยน เราจะคุยกันอันไหนแก้ได้ก็เปลี่ยน อันไหนแก้ไม่ได้ก็บอกกันตรงๆ” วรรณสิงห์ กล่าวเสริม 

ฟ้า “มีการเปลี่ยนคำร้อง ด้วยความที่พี่สิงห์เป็นนักเขียนมีการใช้คำสละสลวย มีคำโน้ตยาวแต่เขียนมาสั้น หรือโน้ตสูงเกินไปมาใส่ในเพลงก็ไม่เข้า เนื่องจากวรรณยุกต์ในภาษาไทยก็มีเปลี่ยนนิดหน่อย แต่เพลงหน้ากากเปลี่ยนเยอะหน่อย” 

วรรณสิงห์ “ถ้าเปลี่ยนไปไม่เยอะ ไม่ว่าอะไร ถ้าไม่เปลี่ยนความหมาย เพราะเป็นประสบการณ์เขียนเพลงอัลบั้มแรก ก็เขียนเป็นภาษาเขียนมากกว่าคำพูด แต่ต่อไปต้องคิดแล้วว่าถ้าคนร้องจะเขียนยังไง” 

 


การเล่าเรื่องในงานเพลงของวงราโชมอนนับเป็นการเปิดหน้าดนตรีแนวใหม่ให้กับวงการเพลงไทย 

“แนวเพลงของพวกเราไม่ได้เน้นเรื่องของความรัก คือพวกเราคิดกันเล่นๆ ว่า ทำไมแนวเพลงที่ไม่เกี่ยวกับความรักถึงไม่เกิดสักที มีความเป็นไปได้มั้ยที่แนวเพลงที่ไม่ใช่กระแสป๊อปแบบตลาดนิยมจะมีที่ให้เกิด มีเวทีให้ลองฝีมือ สามารถต่อยอดให้กับวงการเพลงไทยให้เป็นอีกหนึ่งแนวเพลง ก็เลยเอาพลังของตัวเองในเชิงนักบริหารงานและพัฒนาสังคมใส่ไปในเพลงนี้ เพื่อจะได้มีงานครีเอทีฟแนวใหม่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกออกมาบ้าง” จากความตั้งใจของวรรณสิงห์ 

เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าวรรณสิงห์เป็นนักเขียน มีผลงานรวมเล่มออกมาแล้วถึงสามเล่มด้วยกัน คือ ชีวิตภาคทฤษฎี ใบไม้แดง และตอบตามใจ แน่นอนในทุกๆ เนื้อเพลงทั้งแง่คิดและการใช้ภาษาจะถูกนำมาใช้ เสมือนการจับงานวรรณกรรมมาใส่ดนตรี หาใช่การวางปากกามาจับเบส “ไม่ได้วางคอนเซปต์เป็นเรื่องสังคม แต่นั่งลงเขียน เขียนไปเขียนมาก็เป็นเรื่องสังคม เพลงรักผมไม่ได้แอนตี้ แต่คนอื่นเขาเขียนความรักมาเป็นพันแบบ เราไม่รู้จะเขียนอะไร” 

ฟ้าเสริมว่า “พี่สิงห์พรีเซนต์เรื่องสังคมได้ดีกว่า ให้พูดเรื่องความรัก พี่สิงห์พูดได้แค่ฉันรักเธอ แต่เรื่องสังคมพูดได้ยาวมาก อย่างเพลง Too Long ที่เขียนจากเหตุการณ์ตอนเดือนเม.ย. (ม็อบเสื้อแดง) ใช้เวลาแต่งไม่นานและพูดได้เป็นฉากๆ”

 


สิงห์ “ผมมองโลกด้วยตรรกะตลอดเวลา ถ้าแบ่งพื้นที่ยืนบนสเกลอารมณ์กับสเกลตรรกะ ผมแทบจะไม่มีสเกลอารมณ์เลย ถ้าอะไรก็ตามที่ต้องใช้ตรรกะมอง ผมจะพูดได้ดี ส่วนการจะแต่งเพลงรัก เราไม่ได้มีลิ้นแบบนั้นอยู่” 

ฟ้า “พี่สิงห์แต่งเพลงรักอยู่เพลงหนึ่ง แต่ต้องเอามาแก้แล้วแก้อีก เราจึงเห็นว่าอย่าแต่งเลยเพลงรัก (หัวเราะ) แต่ก็แก้กันจนได้มาเป็นเพลงชื่อ ศพหัวใจ” 

สิน “พูดจริงๆ กับสังคม ผมไม่เคยแคร์อยู่แล้ว เนื้อหาในบางเพลงเราก็ไม่เข้าใจ แต่ออกมาโดยรวมแล้วเราโอเค ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดี แต่มันเป็นคอนเซปต์ของราโชมอน ที่ใครจะมองอะไรก็เรื่องของคน ซึ่งผมมองว่าเป็นข้อดี เพราะถ้าอ่านแค่เนื้อเพลงก็ดูไพเราะด้วย อ่านก็เพราะ แล้วมาฟังเพลงก็ดีเหมือนกัน ตอนแรกที่มาร่วมวงผมเฉยๆ แต่พอได้ฟังสองเพลงคือรินดากับละอองดาว ผมรู้เลยว่ามันไม่ธรรมดา พอได้มาทำงานด้วยกันและหลอมรวมกัน ผมรักวงนี้มาก”

 


ในอัลบั้มนี้มีหนึ่งเพลงที่วรรณสิงห์ขับร้องเอง ชื่อเพลง “นิราศสมชาย” ซึ่งดูจากคำร้องตอนแรกพานเข้าใจไปว่า “แทนไท ประเสริฐกุล” ผู้พี่เป็นคนเขียนคำร้องให้เสียอีก ซึ่งวรรณสิงห์ได้แจงว่า “เพลงอื่นจะเป็นภาษาเขียน แต่เพลงนี้เป็นภาษาพูด แต่ผมกับพี่แทนจะพูดคล้ายกันมาก เราได้รับอิทธิพลจากพี่แทนในเชิงการพูดมาเยอะ แต่ก็มีแทร็กสุดท้าย (Rhasho-Medley) พี่แทนมา Featuring ด้วย” 


ก่อนหน้านี้ โพสต์ทูเดย์เคยมีโอกาสได้สัมภาษณ์วรรณสิงห์ ซึ่งตอนนั้นเขาได้ตีตัวออกห่างจากแวดวงบันเทิง ด้วยหลายๆ เหตุผลด้วยกัน แต่ ณ วันนี้เขาได้กลับมาทั้งในบทบาทของนักดนตรี นักแสดงจากภาพยนตร์เรื่องอินทรีแดงที่กำลังถ่ายทำอยู่ และงานพิธีกร

 


“งานดนตรีเป็นงานที่ผมอยากทำมาก แต่เรื่องความฉาบฉวยในวงการยิ่งโตยิ่งหนีลำบาก แต่เราก็ยังพยายามวิ่งหนีอยู่ ไม่ได้กลืนน้ำลายตัวเอง เมื่อก่อนเราดูทีวี ละครก็คือละคร รายการก็คือรายการ แต่เราไม่ได้ลงลึกว่าอะไรที่เป็นตัวเราได้หรือเปล่า อีกอย่างคิดต่างจากตอนเป็นเด็กเวลาเหลือข้างหน้าเยอะมาก แต่ตอนนี้เรายี่สิบห้าแล้วไม่ทำตอนนี้จะฝันค้าง แต่งานโฆษณาผมก็ยังไม่รับเหมือนเดิม เพราะเราก็วิจารณ์สิ่งนี้อยู่ เราไม่อยากไปปากว่าตาขยิบ มันก็ยากมากที่จะหลีกหนี เพราะเงินที่เขาออฟเฟอร์มาเยอะมาก แต่เราตัดใจว่าไม่ นั่นก็คือสิ่งที่เราภูมิใจกับมัน เราไม่อยากมีการกระทำที่ขัดกับสิ่งที่พูด ถ้าเราเลือกได้ จะตอบว่าไม่ตลอดเวลา” 

วรรณสิงห์เป็นคนที่ชอบเรียนรู้และชอบทำอะไรใหม่ๆ ที่สำคัญชอบทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกัน ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาสมใจเขานัก 

 


“ก่อนหน้านี้ ผมทำงานประจำที่องค์กรพัฒนาสังคมเกี่ยวกับการระดมทุนโปรเจกต์เพื่อสังคม พอจะมาทำงานดนตรีเต็มตัว ผมยืนสองด้านไม่ได้เต็มที่ จึงขอลาออกชั่วคราว แต่จะขอกลับไปทำใหม่ในปีหน้า ตอนนี้ผมก็เขียนหนังสือด้วยรวมเล่ม เล่มที่สี่ออกได้ต้นปีหน้า มีทำรายการทีวีทางทีวีไทยแต่จะออกอากาศกลางปีหน้า ชื่อ นักเดินทาง เป็นสารคดีเดินทางตามเส้นทางที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา เราในฐานะคนหนุ่มที่ไม่ได้เชื่อในเรื่องพวกนี้นักมาเดินทางดูว่ามุมมองจะเปลี่ยนไปยังไง และมีงานหนังอินทรีแดงถ่ายใกล้เสร็จแล้ว มาเล่นหนังก็สนุกไปอีกแบบ เหตุผลเดียวที่มาคือออกจากงานประจำ ทำงานเพลงไม่ได้ทำทุกวันอยู่แล้วก็มีเวลาไปทำอย่างอื่นได้ พอมีคนออฟเฟอร์มาในเวลาที่เราว่างทำได้ก็รับ 

 

ตอนแรกไม่คิดอยากเล่น แต่พอเราได้ดูหนังที่เรามีโอกาสไปแคสมาสี่ห้าเรื่องก็เป็นหนังดีๆ ทั้งนั้น แล้วเราพลาดไป เราเองก็อยากรู้จะเป็นยังไง สนใจในสิ่งที่ยังไม่เคยทำมาก่อน แล้วก็ได้รู้ว่างานหนังเหนื่อยมากกว่าทุกๆ งานที่เราเคยทำ ทำให้ผมเคารพทุกคนในกอง ทุกคนเหนื่อย ช่วงเวลาทำงานยาวมาก บางทีทำ 16 ชั่วโมงไม่หยุด คืองานศิลปะมันทำยาก เวลาเราไม่ชอบก็เก็บไว้ในใจ ถ้าเราชอบก็พยายามพูดให้เขารับรู้ เป็นกำลังใจให้การทำงาน ส่วนเขียนบทภาพยนตร์เราเป็นนักเขียนอยู่แล้วก็สนใจ ตอนนี้ก็มีคนออฟเฟอร์ อยู่ในช่วงเจรจากันอยู่” 

อีกไม่นานเราจะได้เห็นวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล ในอีกหลายบทบาทในวงการบันเทิง แต่ที่ได้เห็นกันแน่ๆ ตอนนี้คือ บทบาทนักดนตรีในนามวงราโชมอน ที่มีแนวเพลงและเนื้อหาไม่ธรรมดา เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของวงการเพลงเมืองไทย 

โดย : นกขุนทอง 
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ / 25 พฤศจิกายน 2552

Views: 770

Reply to This

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service