KEERATI WUTTISAKULCHAI's Posts - PORTFOLIOS*NET
2024-03-28T12:00:40Z
KEERATI WUTTISAKULCHAI
http://www.portfolios.net/profile/KEERATIWUTTISAKULCHAI
http://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/2984537008?profile=RESIZE_48X48&width=48&height=48&crop=1%3A1
http://www.portfolios.net/profiles/blog/feed?user=318e7j12fpech&xn_auth=no
ผืนดินกับฝนนอกฤดู
tag:www.portfolios.net,2011-09-30:2988839:BlogPost:2139161
2011-09-30T19:02:52.000Z
KEERATI WUTTISAKULCHAI
http://www.portfolios.net/profile/KEERATIWUTTISAKULCHAI
<a target="_self" href="http://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/2998681371?profile=original">.docx</a>
<a target="_self" href="http://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/2998681371?profile=original">.docx</a>
ตรรกศาสตร์ทางความรัก
tag:www.portfolios.net,2011-09-30:2988839:BlogPost:2139336
2011-09-30T18:46:40.000Z
KEERATI WUTTISAKULCHAI
http://www.portfolios.net/profile/KEERATIWUTTISAKULCHAI
<p>แฟนของฉันเขาเป็นนักคณิตศาตร์</p>
<p>เขาชอบพูดทุกเรื่องเป็นตัวเลข...</p>
<p> </p>
<p>เขาบอกรักฉันทุกเช้าเวลาที่เขาตื่นนอนและเย็นก่อนเขาเข้านอน</p>
<p>เขามารับฉันตอนเช้าไปที่ทำงานและส่งกลับบ้านในตอนเย็นของทุกๆวัน</p>
<p>เขาซื้อของขวัญให้ฉันปีละสองครั้งคือวันเกิดของฉันและวันวาเลนไทน์</p>
<p>เขาร้องเพลงให้ฉันฟังอาทิตย์ละสองวันผ่านโทรศัพท์มือถือ...</p>
<p>เขาบอกว่าเขารักฉันมากกว่าที่ฉันรักเขาห้าสิบเปอร์เซ็น</p>
<p> </p>
<p>เขาบอกให้ฉันระวังตัวทุกครั้งก่อนลงจากรถ</p>
<p>เขายืนริมฟุตบาตเสมอ</p>
<p>เ…</p>
<p>แฟนของฉันเขาเป็นนักคณิตศาตร์</p>
<p>เขาชอบพูดทุกเรื่องเป็นตัวเลข...</p>
<p> </p>
<p>เขาบอกรักฉันทุกเช้าเวลาที่เขาตื่นนอนและเย็นก่อนเขาเข้านอน</p>
<p>เขามารับฉันตอนเช้าไปที่ทำงานและส่งกลับบ้านในตอนเย็นของทุกๆวัน</p>
<p>เขาซื้อของขวัญให้ฉันปีละสองครั้งคือวันเกิดของฉันและวันวาเลนไทน์</p>
<p>เขาร้องเพลงให้ฉันฟังอาทิตย์ละสองวันผ่านโทรศัพท์มือถือ...</p>
<p>เขาบอกว่าเขารักฉันมากกว่าที่ฉันรักเขาห้าสิบเปอร์เซ็น</p>
<p> </p>
<p>เขาบอกให้ฉันระวังตัวทุกครั้งก่อนลงจากรถ</p>
<p>เขายืนริมฟุตบาตเสมอ</p>
<p>เขาบอกให้ฉันกินส้ม(ผลไม้ที่ฉันเกลียด)จะได้ไม่เป็นหวัด...</p>
<p>เขาบอกว่าฉันเป็นห่วงเขาได้ไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนสี่ของที่เขาเป็นห่วงฉัน</p>
<p> </p>
<p>ฉันเป็นนักเขียน</p>
<p>บางคำพูดที่ฉันเขียนมันมากกว่าที่ฉันรู้สึกเสียอีก...</p>
<p> </p>
<p>ฉันทำอาหารกลางวันไปให้เขาที่ทำงานเหมือนเช่นทุกวันที่ทำ</p>
<p>ฉันโทรไปยิงเขาเหมือนที่เขาบอกให้ฉันทำตั้งแต่เราเริ่มเป็นแฟนกัน</p>
<p>ฉันยังคงยิ้มน้อยๆเหมือนทุกครั้งที่เราเจอหน้ากัน</p>
<p>แต่ฉันกำลังจะบอกเลิกเขา ด้วยเหตุผลที่ว่าตอนนี้ฉันรักเขาศูนย์เปอร์เซ็น...</p>
เปิดม่านรับแรงบันดาลใจ
tag:www.portfolios.net,2011-09-30:2988839:BlogPost:2139158
2011-09-30T18:45:55.000Z
KEERATI WUTTISAKULCHAI
http://www.portfolios.net/profile/KEERATIWUTTISAKULCHAI
<p>ม่านหน้าต่างแทบไม่ถูกเปิดออกเลย นานวันเข้ามันทำให้เราลืมไปว่าวิธีการเปิดม่านนั้นทำอย่างไร ทำให้ฉันต้องเสียเวลาเป็นนาที และเดินไปมาถึงสองครั้งเพื่อค้นพบว่าม่านนี้ไม่ได้ใช้วิธีเปิดปิดโดยใช้เชือก…รูด เรื่องราวบางอย่างในชีวิตก็คงคล้ายๆกับการทำงานในห้องนอน ที่แม้คุณอยากอุดอู้อยู่ในบนโต๊ะทำงานที่เงียบสงบ แต่บางทีคุณก็ควรจะรูดม่านรับแสงและแรงบันดาลใจจากทัศนียภาพภายนอกบ้าง และการที่คุณไม่เปิดม่านบ้าง มันอาจทำให้คุณพลาดอะไรหลายๆอย่างก็เป็นได้…</p>
<p>ม่านหน้าต่างแทบไม่ถูกเปิดออกเลย นานวันเข้ามันทำให้เราลืมไปว่าวิธีการเปิดม่านนั้นทำอย่างไร ทำให้ฉันต้องเสียเวลาเป็นนาที และเดินไปมาถึงสองครั้งเพื่อค้นพบว่าม่านนี้ไม่ได้ใช้วิธีเปิดปิดโดยใช้เชือก…รูด เรื่องราวบางอย่างในชีวิตก็คงคล้ายๆกับการทำงานในห้องนอน ที่แม้คุณอยากอุดอู้อยู่ในบนโต๊ะทำงานที่เงียบสงบ แต่บางทีคุณก็ควรจะรูดม่านรับแสงและแรงบันดาลใจจากทัศนียภาพภายนอกบ้าง และการที่คุณไม่เปิดม่านบ้าง มันอาจทำให้คุณพลาดอะไรหลายๆอย่างก็เป็นได้ ซ้ำยังเสียเวลากับการเริ่มเรียนรู้ใหม่</p>
<p> </p>
<p>‘ข้างนอกตอนนี้ฟ้าครึ้มๆเมฆเริ่มก่อตัว มีทีท่าว่าฝนจะตก ถ้าไปเก็บผ้าที่ตากไว้ตอนนี้ ผ้าที่แห้งแล้วคงปลอดภัยดี ไม่เปียกปอน’ คือความคิดจากการสังเกตความเป็นไปของสิ่งแวดล้อมหลังม่านที่เพิ่งถูกเปิดออก</p>
<p> </p>
<p>ฉันชอบกิ่งไม้แลดูอ่อนแอพลิ้วไปไหวมาตามแรงลมหากแต่มั่นคงพอที่จะยึดให้ใบไม้ติดอยู่บนกิ่งของตนได้อย่างดีนั้นจัง ยามที่มันพลิ้วไหวคลอกับเสียงกระดิ่ง ชวนให้ปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเปิดหน้าต่างสูดลมเย็นยิ่งนัก</p>
<p> </p>
<p>สิบเจ็ดนาฬิกา สิบห้านาที แดดร่มลมตก หากไม่เปิดม่านดูคงไม่รู้อากาศน่าไปเดินออกกำลังกาย เผาผลาญไขมัน รับออกซิเจนเข้าเส้นเลือดมากเพียงใด</p>
<p> </p>
<p>นานๆทีแต่อย่าให้นานจนเกินไปก็น่าจะลองเปิดม่านทำงานดูบ้าง จะได้ไม่ลืมว่าม่านนี้ไม่มีเชือกให้…รูด</p>
ชีวิตที่เลี้ยวซ้าย ตอนแววตาน่าค้นหา
tag:www.portfolios.net,2011-09-30:2988839:BlogPost:2139154
2011-09-30T18:44:59.000Z
KEERATI WUTTISAKULCHAI
http://www.portfolios.net/profile/KEERATIWUTTISAKULCHAI
<p>เขาว่ากัน "ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ"</p>
<p>แม้กริยาทุกอย่างจะถูกบังคับให้ซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้</p>
<p>แต่ดวงตาวาววับคู่นั้นปิดความรู้สึกได้ไม่มิด...</p>
<p> </p>
<p>ฉันไม่เข้าใจว่าคนที่ต้องทำงานอะไรซ้ำๆ เอาแรงใจมาจากไหนถึงทำสิ่งนั้นได้</p>
<p>แน่นอนว่า 'เงิน' ก็เป็นส่วนหนึ่งของคำตอบ</p>
<p>แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดหรอก...ฉันมั่นใจ</p>
<p> </p>
<p>...</p>
<p>เธอไม่ยิ้มเวลาที่เธอทำงาน มันอาจดูราวกับว่าเธอไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้า</p>
<p>ฉันไม่เคยเห็นเธอตอนร่าเริงสุดๆกับการทำงาน…</p>
<p>เขาว่ากัน "ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ"</p>
<p>แม้กริยาทุกอย่างจะถูกบังคับให้ซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้</p>
<p>แต่ดวงตาวาววับคู่นั้นปิดความรู้สึกได้ไม่มิด...</p>
<p> </p>
<p>ฉันไม่เข้าใจว่าคนที่ต้องทำงานอะไรซ้ำๆ เอาแรงใจมาจากไหนถึงทำสิ่งนั้นได้</p>
<p>แน่นอนว่า 'เงิน' ก็เป็นส่วนหนึ่งของคำตอบ</p>
<p>แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดหรอก...ฉันมั่นใจ</p>
<p> </p>
<p>...</p>
<p>เธอไม่ยิ้มเวลาที่เธอทำงาน มันอาจดูราวกับว่าเธอไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้า</p>
<p>ฉันไม่เคยเห็นเธอตอนร่าเริงสุดๆกับการทำงาน แต่เธอก็ไม่ได้ดูเศร้าสร้อยกับมัน...</p>
<p> </p>
<p>หลังจากที่งานในส่วนของตัวเองเสร็จสิ้นแล้ว ฉันเลยพยายามทำตัวให้มีคุณค่า</p>
<p>โดยการเข้าไปช่วยงานเธอ...</p>
<p>เธอยื่นกระดาษหนึ่งปึกให้ฉันอ่าน</p>
<p>ฉันอ่านในจังหวะที่ไม่ปกติ</p>
<p>และค้นพบว่างานของเธอไม่เห็นมีอะไรน่าสนุกตรงไหน</p>
<p>งานของเธอทำให้ความสนุกในการอ่านของฉันลดน้อยลง...</p>
<p> </p>
<p>อีกไม่นานฉันก็จะไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเธออีกแล้ว</p>
<p>และความสงสัยคงจะยังค้างคาอยู่ในใจ</p>
<p>ถ้าวันนี้ฉันไม่บังเอิญเห็นแววตาคู่นั้น...</p>
<p> </p>
<p>เป็นแววตาที่อธิบายความสุขอย่างแท้จริงที่เธอมีต่อสิ่งๆหนึ่งได้อย่างครบถ้วน โดยที่คำพูดไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนขนาดนั้น</p>
<p>เธอเล่าให้ฟังถึงที่ไปที่มาด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่เปี่ยมสุข</p>
<p>เธอค้นพบสิ่งที่ทำให้แววตาแห่งความสุขฉายออกมาได้ในยามที่เธอเล่าถึงสิ่งๆนั้น</p>
<p>ความสุขที่เธอมีในทุกๆวันที่ทำงาน</p>
<p>ความสุขในทุกๆวินาทีที่สายตาช่างจับผิดสอดส่ายผ่านตัวหนังสือ</p>
<p> </p>
<p>มันคือแววตาที่น่าค้นหา</p>
<p>แววตาแห่งความภาคภูมิใจในสิ่งที่ทำ</p>
<p>แววตาที่ลบคำพูดพล่อยๆที่กล่าวหาว่าสิ่งๆนั้นช่างน่าเบื่อหน่าย</p>
<p>แววตาที่พลอยทำให้ฉันอยากได้มันมาครอบครองในรูปแบบของตัวเอง</p>
<p> </p>
<p>ฉันกำลังออกเดินทางไปค้นหาแววตาอย่างที่เธอฉาย</p>
<p>มันจะเปล่งประกายทุกครั้งที่ฉันบอกเล่าถึงสิ่งที่ทำ</p>
<p>เพราะมันคือการได้ทำในสิ่งที่รัก</p>
<p> </p>
<p> </p>
<p>ปล.ดีใจที่ได้เห็นแววตาแบบนั้นในวันนี้จากพี่เปิ้ล หนึ่งในตองอูเรื่องงานปรู๊ฟ</p>
ชีวิตที่เลี้ยวซ้าย ตอนบัณฑิตฝึกงาน
tag:www.portfolios.net,2011-09-30:2988839:BlogPost:2139248
2011-09-30T18:43:58.000Z
KEERATI WUTTISAKULCHAI
http://www.portfolios.net/profile/KEERATIWUTTISAKULCHAI
<p>มีคำพูหนึ่งยังดังอยู่ในหัวสมองของฉันเสมอ “คุณไปได้ไกลเท่าที่คุณผลักดันตัวเอง”</p>
<p>ฉันไม่รู้ว่าอะไรที่ผลักดันฉันให้มายืนอยู่ในจุดนี้…นักศึกษาฝึกงาน</p>
<p> </p>
<p>มันไม่ใช่ตำแหน่งที่น่าภาคภูมิใจเลยสักนิดสำหรับบัณฑิตคนหนึ่งที่ผ่านวันที่ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรมาแล้ว</p>
<p>แต่คำตอบของคำถามที่ว่าอะไรที่ผลักดันฉันให้มายืนอยู่ในฐานะอันน่าสงสัยนั้น คำตอบคงหนีไม่พ้น…</p>
<p>มีคำพูหนึ่งยังดังอยู่ในหัวสมองของฉันเสมอ “คุณไปได้ไกลเท่าที่คุณผลักดันตัวเอง”</p>
<p>ฉันไม่รู้ว่าอะไรที่ผลักดันฉันให้มายืนอยู่ในจุดนี้…นักศึกษาฝึกงาน</p>
<p> </p>
<p>มันไม่ใช่ตำแหน่งที่น่าภาคภูมิใจเลยสักนิดสำหรับบัณฑิตคนหนึ่งที่ผ่านวันที่ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรมาแล้ว</p>
<p>แต่คำตอบของคำถามที่ว่าอะไรที่ผลักดันฉันให้มายืนอยู่ในฐานะอันน่าสงสัยนั้น คำตอบคงหนีไม่พ้น “ฉัน”เอง</p>
<p>แต่ความภาคภูมิใจหรือไม่ภาคภูมิใจของฉันไม่ได้อยู่ที่การผลักดันตัวเองมาอยู่ตำแหน่งนี้</p>
<p>แต่เป็นความภาคภูมิใจในตัวเองที่กล้าก้าวมาทำในสิ่งที่ไม่ต้องมานั่งตอบคำถามตัวเองว่า “ฉันกำลังทำอะไรอยู่”…</p>
<p> </p>
<p>ฉันจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้อย่างแม่นยำ มันคือวันสอบวิชาท้ายๆของการปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ของนิสิตชั้นปีที่สาม</p>
<p>วันที่ก่อนหน้านั้นหนึ่งคืน ฉันเคี่ยวเข็ญอยู่กับตำราอย่างหนัก ไม่มีพื้นที่ใดในสมองว่างเปล่า</p>
<p>พื้นที่ว่างมากมายในสมองถูกแทนที่ด้วยความรู้อย่างรวดเร็วภายในหนึ่งคืน จริงอยู่ว่าการเรียนรูปแบบนี้ไม่เคยได้ผลในระยะยาว</p>
<p>แต่สำหรับในระยะสั้นแล้ว มันได้ผลดีเป็นที่สุด…</p>
<p> </p>
<p>สมุดเปล่าสี่เล่มสีสันต่างกันแนบมากับกระดาษข้อสอบชุดหนาถูกวางอย่างเรียบร้อยลงบนโต๊ะสอบ</p>
<p>เมื่อถึงเวลาแปดนาฬิกาสามสิบนาทีตรง อาจารย์ให้สัญญาณทำข้อสอบได้</p>
<p>ทุกคนรีบเปิดข้อสอบและลงมือทำกันอย่างขะมักเขม้นด้วยกลัวว่าจะทำไม่ทันในเวลาที่มีอย่างจำกัด</p>
<p> </p>
<p>ฉันก็เป็นนิสิตคนหนึ่งที่ประพฤติไม่แตกต่างจากนิสิตอื่นๆในห้องสอบที่มีบรรยากาศเงียบสะงัด มีเพียงเสียงหน้ากระดาษที่พลิกไปมาเท่านั้นที่เป็นสัญญาณบอกว่าห้องนี้มีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่</p>
<p> </p>
<p>ฉันทำข้อสอบข้อแล้วข้อเล่าอย่างไม่สะดุด(หากสะดุดบ้างก็ข้ามไปก่อน) แต่โดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่พอถูไถได้</p>
<p>ข้อสอบในภาควิชาของฉันส่วนใหญ่แล้วจะเป็นข้อเขียน หากโชคดีมากๆ(ในกรณีที่อาจารย์ไม่สบาย ไม่อยากตรวจ)</p>
<p>ก็พอจะมีข้อสอบตัวเลือกให้เห็นบ้าง แต่มันจะยากกว่าการนั่งเขียนจนมือหงิกถึงวินาทีสุดท้ายของเวลาสอบมากเอาเรื่องเหมือนกัน</p>
<p> </p>
<p>ในขณะที่ฉันกำลังง่วนอยู่กับการเขียนคำตอบอย่างเร่งรีบ อยู่ๆสายตาและสมองก็หยุดอยู่กับข้อสอบที่ทำตรงหน้าอย่างดื้อๆ</p>
<p>ไม่ใช่ว่าข้อสอบนั้นยากจนทำไม่ได้ เพียงแต่แว๊บหนึ่งของสมองที่อัดแน่นไปด้วยความรู้ที่เริ่มถ่ายเทลงบนกระดาษบ้างแล้ว</p>
<p>ก็เกิดคำถามที่ว่า “นี่ฉันกำลังนั่งทำอะไรอยู่เนี่ย??”...</p>
<p>ความรู้สึกไม่ถูกที่ไม่ถูกทางเกิดขึ้นในใจอย่างเงียบๆ</p>
<p>แม้ฉันจะรู้ดีมาตลอดสองปีกว่าๆที่ผ่านมาว่ามันไม่ใช่ตัวตนของฉัน ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ</p>
<p>แต่ฉันยังคงกล้าหาญไม่พอที่จะเดินถอยหลังไปเริ่มนับหนึ่งใหม่</p>
<p>เช่นเดียวกันในวันนั้นที่คำถามนั้นเกิดขึ้นมายามที่ไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดคำตอบที่อยู่บนกระดาษคำตอบ</p>
<p>ก่อนที่น้ำตาจะไหลเลอะกระดาษ ฉันสะบัดหัวไล่ความรู้สึกปวดร้าวในหัวใจที่กำลังเลือกที่จะเดินในสิ่งที่ไม่ใช่ไปจนสุดทาง</p>
<p>หากวันนั้นฉันมีความกล้าพอ ฉันอาจหยุดทำข้อสอบแล้วเดินออกจากห้องไปแล้วก็เป็นได้</p>
<p> </p>
<p>วันเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะด้วยวุฒิภาวะหรือความดื้อด้าน เอาแต่ใจที่แฝงอยู่ในร่างของฉันตั้งแต่เด็กจนโต</p>
<p>และไม่มีท่าทีว่าจะน้อยลง ฉันค้นพบเส้นทางใหม่ที่อยากจะเลือกเดิน</p>
<p>และความจริงแล้วฉันควรเลือกเรียนไปตั้งแต่ต้น</p>
<p>"การเขียนหนังสือ"</p>
<p> </p>
<p>ความจริงความคิดนี้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว แต่หลายครั้งมันกลับสวนทางกันในทางปฏิบัติ</p>
<p>ฉันเริ่มง่ายๆจากการเขียนไดอะรี ซึ่งก็ทำมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างเลยสักเล่ม</p>
<p>อาจเป็นเพราะเรื่องราวตอนเด็กของฉันคงไม่แตกต่างจากเด็กทั่วๆไปก็เป็นได้</p>
<p>(ถ้าจำไม่ผิดฉันเคยอยู่ชมรมนักเขียนตอน ม.2 เขียนเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง ซึ่งตอนนี้คงรีไซด์เคิลเป็นกระดาษแผ่นใหม่ไปแล้ว)</p>
<p> </p>
<p>จนกระทั้ง...ไม่แน่ใจว่าอะไรมาดลใจ หรือบางทีฉันอาจเคยเปิดโทรทัศน์</p>
<p>และได้ฟังเรื่องราวของบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิต</p>
<p>ที่เค้าแนะว่า การอ่านหนังสือมากๆ เป็นการเปิดโลกทัศน์</p>
<p>ฉันเริ่มอ่านหนังสือหลากหลายมากขึ้น กว่านวนิยาย</p>
<p>จนอ่าน"ความน่าจะเป็น" ขอบปราบดา หยุ่น ในหลายปีหลังจากที่หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์</p>
<p>สิ่งนั้นเปลี่ยนความน่าจะเป็นทุกอย่างที่ฉันเคยคะเนไว้</p>
<p>หลายอย่างในหนังสือไม่มีบทสรุปที่แน่นอน แต่ฉันชอบถ้อยคำซับซ้อนในหนังสือเล่มนั้นยิ่งนัก...</p>
<p>คนธรรมดาอย่างฉันจึงเกิดอาการอยากขีดๆเขียนๆขึ้นมาอย่างจริงๆจังๆ ด้วยสำนวนที่ไม่น่าจะเป็น(เขียน)ไปได้</p>
<p> </p>
<p>...ในขณะที่เราคิดว่าจะเดินไปขวาอย่างแน่วแน่แต่จู่ๆกลับเปลี่ยนใจเลือกเดินไปทางซ้าย</p>
<p>แน่นอนว่าการตัดสินใจเหล่านั้น เราเองเป็นผู้เลือก</p>
<p>แต่ลึกๆแล้วฉันเชื่อว่า "โชคชะตา" มีส่วนเกี่ยวข้อง...</p>
<p> </p>
<p>วันหนึ่งฉันได้ทำความรู้จักกับพี่เจ้าของนิตยาสารฉบับหนึ่ง</p>
<p>ซึ่งต้องยอมรับว่า ฉันเองไม่รู้จักนิตยาสารเล่มนั้นด้วยซ้ำ</p>
<p>แต่คล้ายๆจะเป็นสัญญาณโอกาสที่ดี ที่จะได้ก้าว...</p>
<p> </p>
<p>ฉันไม่คิดว่างานเขียนของฉันดีเด่อะไร</p>
<p>และส่วนใหญ่ก็ไม่เคยเขียนออกมาเป็นกิจลักษณะ</p>
<p> </p>
<p>โอกาสที่เค้ามอบให้เป็นเพียงการไปลองฝึกงานดูก่อน ว่ามันใช่สำหรับเรารึเปล่า...</p>
<p>แน่นอนว่าคนที่จบวิทยาศาสตร์ ทำอะไรด้วยเหตุผลมาโดยตลอด</p>
<p>อยู่ๆจะกระโดดตัวเปล่าลงมาในทางศิลปะที่อารมณ์ บวกกับพรสวรรค์เล็กๆ มีผลเป็นอย่างยิ่ง ย่อมต้องถูกมองด้วยสายตาตั้งคำถาม</p>
<p> </p>
<p>และฉันผู้หญิงกรุ๊บบีที่เค้าว่ากันว่าเป็นกรุ๊บเลือดที่ทำอะไรตามอารมณ์เสมอ</p>
<p>ก็กระโดดลงไปเริ่มต้นกับ นิตยสาร happenning ในฐานะ "นักศึกษาฝึกงาน"</p>
<p> </p>
<p>จะว่าหลอกตัวเอง หรือว่าพยายามหาเหตุผลให้กับการกระทำของตัวเอง อะไรก็ตาม</p>
<p>แต่ฉันคิดว่านี่คือโลก โลกที่เราต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆจนวันตาย</p>
<p>บวกกับงานบางอย่างมันต้องใช้ประสบการณ์และฉันจะไม่ปฏิเสธประสบการณ์ครั้งนี้</p>
<p> </p>
<p>เป็นเวลาเดือนกว่ากับนิตยสารบันเทิงแนวศิลปะ</p>
<p>ฉันเหมือนได้เจอโลกใหม่</p>
<p>การสังเกตบางสิ่งบางอย่างของฉันไม่เหมือนเดิม</p>
<p>ทุกครั้งที่เริ่มก้าวเท้าออกจากบ้านในแต่ละวันที่ธรรมดา กลายเป็นวันที่มีเรื่องราวให้อยากจะถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ</p>
<p>ได้ตื่นเต้นเวลานั่งลงข้างๆกับใครหลายคนที่เราเคยชื่นชมเค้าผ่านจอทีวี</p>
<p>ได้พูด รับฟังและเห็นมุมมองดีๆผ่านงานศิลปะ</p>
<p> </p>
<p>ทุกอย่างมันทำให้ฉันกล้า(หรือดื้อ)มากขึ้นไปอีก</p>
<p>กล้าที่จะไม่เอาแต่แก้ตัวให้กับความเกียจคร้านว่า...ฉันยังมีประสบการณ์ไม่เพียงพอ</p>
<p>กล้าที่จะเผชิญหน้ากับทุกคำครหา</p>
<p>กล้าที่จะเดินตรงบนทางเลี้ยวที่เลือกเดิน</p>
<p>และฉันจะผลักดันตัวเองให้ก้าวเดินไปให้ไกลที่สุด...</p>
ชีวิตที่เลี้ยวซ้าย ตอนยิ้มรับ
tag:www.portfolios.net,2011-09-30:2988839:BlogPost:2139246
2011-09-30T18:42:41.000Z
KEERATI WUTTISAKULCHAI
http://www.portfolios.net/profile/KEERATIWUTTISAKULCHAI
<p>ฉันแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าความสุนทรีย์ที่เสพมาวันนี้มันทำให้การเดินทางอันวุ่นวายผ่านไปอย่างปกติ</p>
<p>และความเหน็ดเหนื่อยของวันไม่สร้างความอ่อนล้าพอที่จะทำให้ฉันล้มตัวลงนอนบนฟูกหนานุ่ม</p>
<p>และแอร์เย็นช่ำได้</p>
<p> </p>
<p>จนได้นั่งลงบนโซฟาสีแดงตัวโปรดในบ้าน</p>
<p>พร้อมกับแรงบันดาลใจเต็มเปี่ยมที่จะเขียนถึงความรู้สึกดีๆ ที่ประสบมาในวันนี้</p>
<p>จึงค้นพบว่าสภาพแวดล้อมวันนี้น่าโมโหมากเพียงใด...</p>
<p> </p>
<p>ฉันออกมาจากหอศิลป์ตอนฝนเริ่มซาแล้ว…</p>
<p>ฉันแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าความสุนทรีย์ที่เสพมาวันนี้มันทำให้การเดินทางอันวุ่นวายผ่านไปอย่างปกติ</p>
<p>และความเหน็ดเหนื่อยของวันไม่สร้างความอ่อนล้าพอที่จะทำให้ฉันล้มตัวลงนอนบนฟูกหนานุ่ม</p>
<p>และแอร์เย็นช่ำได้</p>
<p> </p>
<p>จนได้นั่งลงบนโซฟาสีแดงตัวโปรดในบ้าน</p>
<p>พร้อมกับแรงบันดาลใจเต็มเปี่ยมที่จะเขียนถึงความรู้สึกดีๆ ที่ประสบมาในวันนี้</p>
<p>จึงค้นพบว่าสภาพแวดล้อมวันนี้น่าโมโหมากเพียงใด...</p>
<p> </p>
<p>ฉันออกมาจากหอศิลป์ตอนฝนเริ่มซาแล้ว แต่ไม่วายทิ้งความเฉอะแฉะไว้เกือบทุกอณูของพื้นที่ต้องย่ำ </p>
<p>ทำให้ทุกย่างก้าวช้าลงกว่าปกติ..</p>
<p> </p>
<p>คืนนี้ก็เป็นอีกคืนหนึ่งที่ฝนตก ส่งผลให้มหานครแห่งรถติดยิ่งติดหนักเข้าไปใหญ่</p>
<p>และประโยคที่ว่า "ฝนนำพามาซึ่งควมชุ่มช่ำ" ใช้ไม่ได้กับเมืองหลวงที่ผู้คนหนาแน่น ซ้ำยังมีไอร้อน(ระอุ)แทรกอยู่ในทุกฤดูกาล</p>
<p>สภาพของฉันที่แบกของพะรุงพะรัง...บ่าขวารับน้ำหนักของกระเป๋าสะพายที่ภายในบรรจุเน็ตบุ๊ค 1.3กิโลกรัม ที่ชาร์ตแบตอรี่ทั้งของเน็ตบุ๊คและโทรศัพท์มือถือ ไดอะรีเล่มโตและเล่มเล็ก บวกกับของผู้หญิงๆจุ๊กจิกอีกเล็กน้อย มือขวาถือถุงที่มีกระดาษเอสี่ประมาณครึ่งรีม หนังสือแจกฟรีเล่มหนาพอควร และวารสารจากนิทรรศการ มือซ้ายถือร่ม จึงทั้งเหงื่อไหลและไคลย้อยไปตามระเบียบ</p>
<p> </p>
<p>ฉันเลือกขึ้นรถเมล์เพื่อไปต่อรถตู้อีกต่อที่อนุสาวรีย์ฯ </p>
<p>ทั้งเพราะมันประหยัดและแถมรถเมย์ยังจอดถึงวินรถตู้ เลยไม่ต้องเดินให้เมื่อยขา</p>
<p>แต่จนแล้วจนรอด รถเมย์สายที่ต้องการก็ไม่มีทีท่าว่าจะมาเสียที ฝนยังคงตกไม่ขาดสาย รถทวีความติดอย่างต่อเนื่อง</p>
<p>ฉันตัดสินใจใหม่หลังจากรอรถเมย์ไปเกือบสิบนาที เลือกการเดินทางที่แพงขึ้น เดินเยอะขึ้น แต่รวดเร็มกว่า..BTS</p>
<p> </p>
<p>บนสะพานลอยมีนักดนตรีตัวน้อยเป่าแคนไม่เป็นเพลง ฉันหยุดเพื่อหาเหรียญไม่กี่บาทที่หายากเอาการแล้วหยอดลงกระป๋อง</p>
<p>เป็นเวลาเดียวกับคำขอบคุณส่งๆถูกเปล่งออกมาจากปากของเด็กคนนั้น</p>
<p>ฉันไม่ได้รู้สึกติดใจกับการกระทำนั้น</p>
<p>เพียงแต่คิดว่าหลายครั้งที่มีใจคิดอยากทำบุญในรูปแบบคล้ายๆกันนี้ แต่ก็ทำแค่เพียงเดินผ่านเพราะมันลำบากที่จะหยิบสตางค์</p>
<p>ทั้งๆที่ความจริงแล้วเราก็แค่...หยุดแล้วหามัน</p>
<p> </p>
<p>ที่วินรถตู้คนรอขึ้นรถเกืบร้อยคนเห็นจะได้</p>
<p>ฉันเดือนฝ่าฝูงชนย่อมๆไปต่อคิวอย่างที่ปัญญาชนพึงกระทำ</p>
<p>หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพบรรยากาศแออัด</p>
<p>และรอในสภาพพะรุงพะรังนั้นเกือบชั่วโมง</p>
<p>ด้วยความเยอะของข้าวของและท่าทางไม่เหมาะสมในการถือถุง ทำให้ของในถุงหล่นกระจายลงพื้น</p>
<p>ฉันเพียงใจเย็นรับความช่วยเหลือจากคนข้างๆ(แหะๆ เค้าเหล่านั้นยินดีช่วยนะ เค้าคงสังเวช)</p>
<p> </p>
<p>ตลอดทางบนรถตู้ฉันฮัมเพลงอารมณ์ดี...</p>
<p>(ซึ่งธรรมดาแล้วฉันหลับทุกทีที่ขึ้นรถ)</p>
<p> </p>
<p>(ฮ่าๆๆ)และที่บ่นมากมายนั้นแค่กำลังจะบอกว่ามันเป็นผลจากการสื่อสารระหว่างฉันกับงานศิลปะ</p>
<p>และระหว่างฉันกับศิลปินผู้ถ่ายทอดศิลปะ..."ความรู้สึกดีและภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสื่อที่ดี"</p>
<p> </p>
<p>เพียงแค่ได้เห็นผลงานก็ทำให้อึ้งปนทึ่งแล้ว...</p>
<p>นิทรรศการนี้ไม่ได้เป็นผลงานของศิลปินผู้มีชื่อเสียงโด่งดังเพราะเป็นศิลปินรุ่นใหม่จากสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 28 ชีวิต</p>
<p>ที่หยิบเอาศิลปะ วัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่และความคิดอันงดงามของทางภาคใต้มาเล่าเรื่องผ่านงานศิลปะที่มีรูปแบบแปลกตา</p>
<p>ละเอียด สวยงามและปราณีต หลายๆงานฉันเองคิดไว้ในใจว่าเค้าต้องทำเป็นปีแน่ๆเลย</p>
<p>ยิ่งได้มีโอกาส(จากการติดสรอยห้อยตามพี่ๆ)ไปร่วมพูดคุยกับเจ้าของผลงานเองแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความเยี่ยมยอดของผลงานเข้าไปใหญ่ ได้รู้ที่มาและแรงบันดาลใจของผลงานนั้นๆ บางแรงบันดาลใจก็สะเทือนอารมณ์ บางแรงบันดาลใจก็อบอุ่น</p>
<p>ได้เห็นมุมมองอันงดงามของคนใต้ ที่ช่างแตกต่างจากข่าวสารความโหดร้ายที่เราได้รับทราบในทุกวันๆอย่างสิ้นเชิง</p>
<p>ฉันยอมรับว่าฉันเองรู้สึกประนามการกระทำเหล่านั้นในช่วงแรกๆ แต่พอนานวันเข้าก็กลายเป็นไม่ใส่ใจไปแล้วว่าวันนี้จะมีระเบิดกี่ที่</p>
<p>ใครต้องตายไปกี่คน ทำได้แค่ภาวนาให้วันหนึ่งเหตุการณ์เหล่านี้สิ้นสุดลง</p>
<p>เช่นเดียวกับเหล่าศิลปินทั้ง28 ท่าน ที่ต้องปรับตัวและอยู่กับความเลวร้ายเหล่านั้นให้ได้</p>
<p>ในทางกลับกันเขากำลังพยายามสื่อสารความงดงามและน่ารักในวิถีของชาวใต้ในรูปแบบของงานศิลปะ ที่สื่อไม่ค่อยนำเสนอ</p>
<p>มันสะท้อนอะไรบางอย่างได้ว่า "ผู้คนรวมถึงบรรพบุรุษผู้มีความสุนทรีย์เช่นนี้จะมีจิตใจทารุณได้อย่างไร"...</p>
<p> </p>
<p>เมื่อสังคมต้องอยู่อย่างหวาดระแวง ไม่รู้ใครเป็นพวกใคร</p>
<p>ศิลปะของชาวสี่จังหวัดชายแดนจึงไม่สามารถทำออกมาได้อย่างอิสระ</p>
<p>เพราะถูกกรอบทั้งทางด้านศาสนาและสังคม...</p>
<p> </p>
<p>ยังมีมุมอีกมากมายของชาวด้ามขวานที่เรายังไม่เคยได้สัมผัส</p>
<p>บางทีเราก็ไม่ควรตัดสินเพียงสิ่งที่เห็นด้านเดียว</p>
<p>ลองหาโอกาสเข้าไปรับฟังกับนิทรรศการที่มีชื่อว่า..."ลีลาของลายใหม่"</p>
<p>แล้วเธอจะไม่'เห็นใจ'เขา แต่เธอจะ'เข้าใจ'เขา</p>
<p> </p>
<p>นอกจากจะยินดีกับการได้เป็นสื่อเล็กๆจากที่อาจารย์เจาะอับดุลเลาะบอกกับเราว่า "ต้องการจริงๆที่จะเห็นสื่อเสนอเรื่องราวของจังหวัดชายแดนภาคใต้ในมุมดีแบบนี้บ้าง"</p>
<p>ยังได้แรงบันดาลใจอีกหลายอย่างในการใช้ชีวิต</p>
<p>เช่น จากคำพูดหนึ่งของอาจารย์ที่น่าคิดมากคือ "ถ้าทุกคนตระหนักได้ว่าวันหนึ่งเราต้องตาย จะไม่มีใครทำความชั่ว"</p>
<p>และแรงบันดาลใจในการเลือกเรียนศิลปะของพี่นุรัตนา หะเว 'ที่เธอเริ่มนับหนึ่งด้านศิลปะตอนเข้ามาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย</p>
<p>จากความประทับใจในงานศิลปะของเพื่อน แล้วอยากจะเรียนรู้แต่เพื่อนของเธอคนนั้นสอนเธอไม่ได้ เพราะที่เขาวาดมันออกมาได้นั้นมาจากการสังเกตพ่อของเขาวาดมาตั้งแต่เด็ก' เรียกว่าเป็นพรสวรรค์ที่ถ่ายทอดกันมาทางสายเลือดก็น่าจะได้</p>
<p>ความชำนาญเริ่มก่อตัวตามชั่วโมงที่เธอใช้ไปกับการรังสรรค์งานศิลปะชิ้นแล้วชิ้นเล่า จนกลายเป็นผลงานที่มีอัตลักษณ์</p>
<p>และได้แสดงผลงานให้ใครหลายๆคนได้ซึมซับแรงบันดาลใจจากเธออย่างที่ฉันรู้สึกในวันนี้</p>
<p>มันทำให้ฉันมั่นใจในหนทางที่มีความรู้สึก "อยาก"นำ และรู้ว่าต้องใช้เวลาและความหมั่นเพียรมากมายเพียงใดกับมัน</p>
<p> </p>
<p>ศิลปะสำหรับฉันในวันนี้มันก็เหมือนกับประตูบานเล็กๆบนกำแพง...ที่พาเราข้ามผ่านทุกอคติได้ </p>
<p>ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้อย่างลึกซึ้ง เจือความอ่อนโยน</p>
<p> </p>
<p>หนทางแห่งการแก้ไขปัญหามีมากมายหลายวิธี</p>
<p>ไม่จำเป็นต้องตอกย้ำให้เห็นถึงสิ่งที่เลวร้าย</p>
<p>แต่มองหาความสวยงามที่แอบแฝงอยู่</p>
<p>และวันที่สิ่งแวดล้อมชวนโมโห ก็ถูกขับเคลื่อนให้ผ่านพ้นไปด้วยการยิ้มรับมุมมองใหม่ในชีวิต...</p>
<p> </p>
ชีวิตที่เลี้ยวซ้าย
tag:www.portfolios.net,2011-09-30:2988839:BlogPost:2139331
2011-09-30T18:40:40.000Z
KEERATI WUTTISAKULCHAI
http://www.portfolios.net/profile/KEERATIWUTTISAKULCHAI
<p>ความจริงไม่รู้ว่าซ้ายหรือขวา แต่ที่แน่ๆไม่ได้ตรงไป จะว่าไม่ได้ตรงก็คงไม่ถูกอีกนั้นแหละ เพราะตรง...ตรงกับใจ</p>
<p>ชีวิตทีอยู่บนทางแยกแห่งความสับสนมานาน...ซ้ายก็อยากก้าว ขวาก็น่าสน ตรงไปก็แสนจะง่าย กลับกลายเป็นอยู่กับที่และจมอยู่กับความคิด อันว่างเปล่า...</p>
<p> </p>
<p>แต่วันนี้ในที่สุดก็เริ่มก้าวสักที ความจริงแล้วจะก้าวซ้ายก้าวขวา ก้าวหน้า หรือก้าวหลังก็ไม่สำคัญอะไร แค่เริ่มก้าวไป...</p>
<p>มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดนะ เพราะสิ่งที่ยากที่สุดมันอยู่ในคำว่า "จะ"…</p>
<p>ความจริงไม่รู้ว่าซ้ายหรือขวา แต่ที่แน่ๆไม่ได้ตรงไป จะว่าไม่ได้ตรงก็คงไม่ถูกอีกนั้นแหละ เพราะตรง...ตรงกับใจ</p>
<p>ชีวิตทีอยู่บนทางแยกแห่งความสับสนมานาน...ซ้ายก็อยากก้าว ขวาก็น่าสน ตรงไปก็แสนจะง่าย กลับกลายเป็นอยู่กับที่และจมอยู่กับความคิด อันว่างเปล่า...</p>
<p> </p>
<p>แต่วันนี้ในที่สุดก็เริ่มก้าวสักที ความจริงแล้วจะก้าวซ้ายก้าวขวา ก้าวหน้า หรือก้าวหลังก็ไม่สำคัญอะไร แค่เริ่มก้าวไป...</p>
<p>มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดนะ เพราะสิ่งที่ยากที่สุดมันอยู่ในคำว่า "จะ" ไปแล้ว</p>
<p>เรายังไม่มีทางรู้ว่ามันถูกมันผิดด้วยซ้ำกับก้าวแรก ไม่อย่างนั้นไอสไตล์คงไม่ต้องทดลองเป็นพันรอบจนเจอทฤษฎีสัมพันธภาพ สส.บางคนที่ไม่มีแบ็คทรงพลังคงไม่ต้องสอบตกเป็นหลายสิบรอบกว่าจะได้ไปนั่งในสภาหรอก(อุ๊ยเข้ามาเรื่องการเมืองได้ไงเนี่ย)</p>
<p> </p>
<p>ฉันมักเร่งรัดชีวิตอยู่เสมอ กับคำว่าใช่ ไม่ใช่ อยาก ไม่อยาก ตลอดชีวิต</p>
<p>แต่เอาเข้าจริงแล้วโลกกลับเดินช้ากว่าที่คิด...</p>
<p>บางทีเราก็รีบร้อนเกินไปกับการ ไล่ล่าหาความฝัน หาสิ่งที่อยากทำไปตลอดชีวิต</p>
<p>วันนี้พอได้ก้าวไปในทางที่ใจอยากจริงๆ กลับรู้ว่างานที่อยากทำนั้นมันไม่ได้สำเร็จรูปเหมือนมาม่า ที่พอสามนาทีก็ได้รู้รสชาติ ตัดสินกันไปเลยว่าจะกินต่อหรือไม่กิน...ทุกอย่างมีเงื่อนเวลาของมันเอง และมันกลับมีเวลาว่างพอที่จะได้อ่านชีวิตดีๆของใครหลายๆคน ที่เค้าไม่ได้ยืนอยู่บนโลกที่พยายามหาคำอธิบายของสิ่งต่างๆโดยยืนอยู่เฉยๆ แต่เค้าทำสิ่งต่างๆและซึมซับความหมายของมันทีละเล็กทีละน้อย</p>
<p> </p>
<p>พอนึกถึงประเด็นที่ฉันมักจดจ่อ...ตลอดชีวิต</p>
<p>เวลาฉันทำอะไรมักมีคำถามที่ว่า.."ฉันจะทำสิ่งๆนี้ไปตลอดชีวิตได้มั๊ย"</p>
<p>ซึ่งในแต่ละโมเมนท์ที่แตกต่างกัน คำตอบที่ได้ก็มักจะแตกต่างตามไปด้วย เกิดไปถามตัวเองในเวลาที่เซ็งกับงาน</p>
<p>ก็อาจเป็นอันต้องจบกับงานนั้นไปอย่างดื้อๆ</p>
<p>ประเด็นนี้ชวนให้นึกถึงเพื่อนช่างภาพคนหนึ่งที่ตอนนี้มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักรในวงการ</p>
<p>...night life photographer เค้าเริ่มทำมันด้วยใจรัก ทำไปเรื่อยๆจนเป็นอาชีพ แต่ตอนนี้กลับบ่นว่าเบื่อแล้ว</p>
<p>เพราะบางทีก็ไม่อยากไปทำแต่ต้องไป เพราะมันคืออาชีพ</p>
<p>ขนาดงานที่รักและทำได้เป็นอย่างดียังมีแง่มุมที่น่าเบื่อหน่ายในตัวของมันเอง</p>
<p>คล้ายๆกับอาหารจานโปรด ที่บางทีก็เบื่อที่จะกินมัน อยากลองกินอะไรใหม่ๆดูบ้าง</p>
<p>และคงไม่แปลกอะไรที่ตลอดชีวิตของคนจะลองผิดลองถูก จนถูกใจและถูกกาย</p>
<p>หมายถึงใจก็อยากทำและกายก็ต้องอิ่มพร้อมที่จะทำในสิ่งที่ถูกใจ</p>
<p>และคงต้องให้เวลากับมัน ฝึกฝนและพัฒนาตัวเอง...</p>
<p> </p>
<p> </p>
<p>มันก็น่าแปลกที่เด็กจบปริญญาแล้วอย่างฉันกลับยังไม่ยอมหางานทำสักที</p>
<p>ข้อนี้ฉันค่อยข้างจะละอายต่อพ่อแม่เลยทีเดียว </p>
<p>แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงชิลอยู่กับทางแยกแห่งความสับสน</p>
<p>จนได้ก้าว...แม้ก้าวนี้จะไม่มีเงินที่พอจะบรรเทารอยชราแห่งความเป็นห่วงจากคนทางบ้านได้</p>
<p>แต่มันกลับเป็นแรงผลักดันให้ฉันได้รู้ว่าวิธีไหนบ้างที่จะทำให้พ่อแม่อุ่นใจได้ในเร็ววัน</p>
<p>แม้มันจะเข้าใจยาก และโอกาสไม่ได้มีสำหรับคนปากเก่ง</p>
<p>สิ่งเดียวที่ยังเชิดหน้าทำงานโดยไดรับสิ่งตอบแทนคือประสบการณ์ คือต้องมั่นใจ(ในทางที่เลือก) ใจดีสู้เสือเอาไว้ก่อน</p>
<p>นั่นคงทำให้สายตาตั้งคำถามของใครหลายๆคนเริ่มจางลง หรือไม่เราก็อาจจะชินกับสายตานั้นไปเอง</p>
<p> </p>
<p>มีประโยคนึงที่ประทับใจหลังจากได้รับงานชิ้นแรกที่ได้ฝึกคือ...การอ่าน</p>
<p>"แรงบันดาลใจคือสิ่งที่ทำให้โลกยังคงหมุนต่อไป"</p>
<p>มันเหมือนเป็นสิ่งเร้าที่ทรงอิทธิพล คล้ายๆแรงบันดาลใจของเครื่องบินคือนกอะไรทำนองนั้น</p>
<p> </p>
<p> </p>
<p>วันแรกความจริงฉันก็ยังพูดอะไรไม่ได้มาก</p>
<p>มันไม่ได้ฉูดฉาดเหมือนกลางวัน</p>
<p>มันกลับราบเรียบเหมือนราตรีกาลที่ผู้คนหลับไหล เงียบพอที่จะได้ยินเสียงบางเสียงในหัวใจ...</p>
<p>และมันก็ไม่ถึงกับประทับใจ และฟันธงว่าเป็นอาหารจานโปรด แค่รู้สึกดีพอที่มีแรงบันดาลใจทำให้อยากบ่นเป็นตัวหนังสือ</p>
<p>จะมีก็แต่ความเกือบจะถอยหลัง...(แอบเล่าให้ฟัง)</p>
<p>...เรื่องสั่น(มาก)หลัง11นาฬิกา</p>
<p>"วันนี้ฉันตื่นจากเตียงด้วยก๊อกแก๊กของลูกบิดประตู คงเป็นเสียงเปิดประตูสำรวจความเรียบร้อยธรรมดาของคุณป้า และปกติคงไม่สั่นสะเทือน ไปถึงกระดูกค้อน ทั่ง โกนของฉันได้ ถ้าวันนี้ไม่ใช่.."วันฝึกงานวันแรกกกกกกกกกกกกกกกก!!!"พระเจ้า!!!! ฉันรีบกระเด้งตัวขึ้นจากเตียง อากาศข้างนอกสะลึมสะลือราวกับเช้าตรูที่ผ่านกลางคืนที่มีฝนตกพรำๆ ทันใดนั้นสายตาก็พลันกระทบเข้าอย่างจังกับเข็มนาฬิกาสั้นยาว ที่ไม่ต้องใช้เวลาประมวลผลมากนักก็รู้ว่านาฬิกาบอกเวลา 10 โมงตรง อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก "ปวดหัว ปวดท้อง ท้องเสีย รถเสีย ทำธุระ โอ๊ย ไรดีๆๆ" ความประทับใจแรกจบสิ้น ถ้าไปทำงานจริงคงโดนไล่ออก ฮื่ออออ หยุดความคิดเหล่านั้นแล้วดิ่งไปยังห้องน้ำ อาบแบบสำเร็จรูป..สามนาทีไม่ต้องต้ม! คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว และนี่ไม่ใช่ซีรีย์เกาหลี ที่นางเอกไปทำงานวันแรกสายแล้วพระเอกเกิดตกหลุมรัก มีแต่นรกเท่านั้นที่รออยู่ และคำแก้ตัวคงไม่สามารถปกปิดแววตาที่เพิ่งตื่นจากนิทราได้...วันนี้ฉันเลือกเดินทางด้วยวิธีที่ประหยัดที่สุด ตลอดระยะเวลากว่าจะถึงที่ฝึกงานก็เป็นชั่วโมง เจอคนเป็นร้อยที่เค้าตื่นเช้ามาทำงาน หาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว แต่ฉันสิกำลังตามหาฝันด้วยสองมือเปล่า...คุณป้าหน้าปากซอยต้มไก่ได้สวย พอๆกับข้าวสวยมันๆของเธอที่ไม่เป็นรองใคร เธอเลยเลือกขาย"ข้าวมันไก่" คุณลุงขับรถเป็นมาพร้อมสองแถวคู่ใจ เก็บตังค์ได้วันละเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ฉันแค่รู้ว่าชอบเขียน แบบที่ไม่รู้ว่าพื้นที่ไหนจะรองรับงานบ่นของฉันบ้าง...ดันตื่นสาย!"</p>
<p> </p>
<p> </p>
<p>มีพี่ที่ทำงานเอ่ยอ้างสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาและเท่าที่ฉัน(แอบ)จับใจความได้เค้าเอ่ยไว้ว่า</p>
<p>"ไม่เห็นต้องมีฝัน หรือทำตามฝันก็ได้ แค่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่มันมีความสุข รู้สึกดีที่ทำก็พอ"</p>
<p>วันนี้ฉันไม่แน่ใจว่าทำตามฝันหรือความรู้สึกดี</p>
<p>และไม่แน่วันหนึ่งฉันอาจต้องกลับมาในทางแยกแห่งความสับสนอีกก็เป็นได้</p>
<p>แต่วันนั้นฉันคงจัดการกับมันได้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น...</p>
มิวสิกจัดหนัก Happening55
tag:www.portfolios.net,2011-09-30:2988839:BlogPost:2139243
2011-09-30T18:39:21.000Z
KEERATI WUTTISAKULCHAI
http://www.portfolios.net/profile/KEERATIWUTTISAKULCHAI
<a target="_self" href="http://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/2998681174?profile=original">threewish%2055.pdf</a>
<a target="_self" href="http://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/2998681174?profile=original">threewish%2055.pdf</a>
spoonful ความสุขพูนช้อน happening55
tag:www.portfolios.net,2011-09-30:2988839:BlogPost:2139328
2011-09-30T18:34:08.000Z
KEERATI WUTTISAKULCHAI
http://www.portfolios.net/profile/KEERATIWUTTISAKULCHAI
<a target="_self" href="http://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/2998684733?profile=original">35%20livelyplace%2055%20%281%29.pdf</a>
<a target="_self" href="http://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/2998684733?profile=original">35%20livelyplace%2055%20%281%29.pdf</a>