PORTFOLIOS*NET
2024-03-28T18:05:30Z
city OF angles
http://www.portfolios.net/profile/city_of_angles
http://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/2984335270?profile=RESIZE_48X48&width=48&height=48&crop=1%3A1
http://www.portfolios.net/group/photojournalism/forum/topic/listForContributor?user=09biqc7zityzm&feed=yes&xn_auth=no
Music Video Photo "Thailand Flood" #1
tag:www.portfolios.net,2011-11-06:2988839:Topic:2187299
2011-11-06T16:26:52.417Z
city OF angles
http://www.portfolios.net/profile/city_of_angles
<p><a href="http://www.youtube.com/watch?v=poAhWamwPOY&feature=feedu">http://www.youtube.com/watch?v=poAhWamwPOY&feature=feedu</a></p>
<p> </p>
<p>ไม่ได้เดินทาง...</p>
<p>ไม่ได้ท่องโลก...</p>
<p>ไม่ได้มองเพื่อเห็นความงาม...</p>
<p>ไม่ได้ปรุงแต่ง...</p>
<p>แต่สิ่งที่เห็น คือเห็น...</p>
<p>ในระยะประชิดตัว...</p>
<p><a href="http://www.youtube.com/watch?v=poAhWamwPOY&feature=feedu">http://www.youtube.com/watch?v=poAhWamwPOY&feature=feedu</a></p>
<p> </p>
<p>ไม่ได้เดินทาง...</p>
<p>ไม่ได้ท่องโลก...</p>
<p>ไม่ได้มองเพื่อเห็นความงาม...</p>
<p>ไม่ได้ปรุงแต่ง...</p>
<p>แต่สิ่งที่เห็น คือเห็น...</p>
<p>ในระยะประชิดตัว...</p>
ถนน คน เดิน กิน ฯลฯ
tag:www.portfolios.net,2011-09-26:2988839:Topic:2123576
2011-09-26T09:37:47.624Z
city OF angles
http://www.portfolios.net/profile/city_of_angles
<p><a href="http://www.portfolios.net/photo/albums/2988839:Album:2123521">http://www.portfolios.net/photo/albums/2988839:Album:2123521</a></p>
<p> </p>
<p>ไปเดินเล่นกับผมไหม # ๒</p>
<p><a href="http://www.portfolios.net/photo/albums/2988839:Album:2123521">http://www.portfolios.net/photo/albums/2988839:Album:2123521</a></p>
<p> </p>
<p>ไปเดินเล่นกับผมไหม # ๒</p>
ไปเดินเล่นกับผมไหม....
tag:www.portfolios.net,2011-06-05:2988839:Topic:1619792
2011-06-05T16:16:14.677Z
city OF angles
http://www.portfolios.net/profile/city_of_angles
<p>เดินเล่นในเมืองใหญ่...</p>
<p>วิถีบนบาทวิถี...ถ้าเราหยุดมองบางครั้งเราอาจเห็นบางอย่างที่เราเคยมองผ่านเลยไป...</p>
<p><a href="http://www.portfolios.net/photo/photo/slideshow?albumId=2988839:Album:1619701">http://www.portfolios.net/photo/photo/slideshow?albumId=2988839:Album:1619701</a></p>
<p>เดินเล่นในเมืองใหญ่...</p>
<p>วิถีบนบาทวิถี...ถ้าเราหยุดมองบางครั้งเราอาจเห็นบางอย่างที่เราเคยมองผ่านเลยไป...</p>
<p><a href="http://www.portfolios.net/photo/photo/slideshow?albumId=2988839:Album:1619701">http://www.portfolios.net/photo/photo/slideshow?albumId=2988839:Album:1619701</a></p>
ขออนุญาติเชิญทุกท่านไปชมภาพชุด Once uPOn a time at PATTANI #3 กันอีกสักครั้ง ***ชุดที่สามแล้วครับ***
tag:www.portfolios.net,2010-08-24:2988839:Topic:836185
2010-08-24T21:26:40.399Z
city OF angles
http://www.portfolios.net/profile/city_of_angles
<div><div class="description" id="desc_2988839Comment836171"><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: 'Lucida Grande', 'Lucida Sans Unicode', sans-serif; font-size: 10px; line-height: 15px;">ขออนุญาติเชิญทุกท่านไปชมภาพชุด "Once uPOn a time at PATTANI " "กาลครั้งหนึ่ง ณ ปัตตานี : ด้วยรักและคิดถึง" <a href="http://www.portfolios.net/photo/album/listForOwner?screenName=0fu1iznd1c08q" target="_blank">…</span></div>
</div>
<div><div class="description" id="desc_2988839Comment836171"><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: 'Lucida Grande', 'Lucida Sans Unicode', sans-serif; font-size: 10px; line-height: 15px;">ขออนุญาติเชิญทุกท่านไปชมภาพชุด "Once uPOn a time at PATTANI " "กาลครั้งหนึ่ง ณ ปัตตานี : ด้วยรักและคิดถึง" <a href="http://www.portfolios.net/photo/album/listForOwner?screenName=0fu1iznd1c08q" target="_blank"><a href="http://www.portfolios.net/photo/album/listForOwner?screenName=0fu1i...%3C/a%3E">http://www.portfolios.net/photo/album/listForOwner?screenName=0fu1i...</a></a>;<br/>
<br/>
<br/>
ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนกันครับ, ด้วยไมตรีจิต<br/>
<br/>
All the comments are welcomed, so please feel free to comment.<br/>
<br/></span></div>
<div class="description" id="desc_2988839Comment836171"><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: 'Lucida Grande', 'Lucida Sans Unicode', sans-serif; font-size: 10px; line-height: 15px;">Thank You</span></div>
<div><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: 'Lucida Grande', 'Lucida Sans Unicode', sans-serif; font-size: 10px; line-height: 15px;"><i><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: 'Lucida Grande', 'Lucida Sans Unicode', sans-serif; font-size: 10px; line-height: 15px;"><span class="Apple-style-span" style="line-height: 16px;"><i><br/></i></span></span></i></span></div>
<div><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: 'Lucida Grande', 'Lucida Sans Unicode', sans-serif; font-size: 10px; line-height: 15px;"><span class="Apple-style-span" style="line-height: 16px;"><i><br/></i></span></span></div>
<div style="text-align: center;"><span class="Apple-style-span" style="font-style: normal;"><i>************************************************************************</i></span></div>
</div>
การถ่ายภาพเชิงสารคดี (Documentary Photography)
tag:www.portfolios.net,2009-09-26:2988839:Topic:279940
2009-09-26T19:50:23.341Z
city OF angles
http://www.portfolios.net/profile/city_of_angles
งานเขียนสารคดีคือการนำเอาข้อเท็จจริงที่เป็นข้อมูลความรู้ในเชิงวิชาการมาเรียบเรียงเขียนให้อ่านง่ายขึ้น โดยใช้เทคนิคของงานวรรณกรรมเข้ามาช่วย ให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการตัดสิน เพื่อให้เข้าถึงความดี ความจริง และความงามด้วยตนเอง บางครั้งการใช้ตัวอักษรเป็นสื่อเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถบอกเล่า “สาร” หรือเรื่องราวได้ทั้งหมด ภาพถ่ายจึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของงานเขียนสารคดี และอาจสำคัญไม่น้อยไปกว่าตัวหนังสือเลย ดังคำกล่าวที่ว่า “ภาพหนึ่งภาพ แทนคำล้านคำ”<br />
<br />
ภาพถ่ายสารคดีจำเป็นจะต้องดำเนินไปพร้อมเนื้อเรื่อง…
งานเขียนสารคดีคือการนำเอาข้อเท็จจริงที่เป็นข้อมูลความรู้ในเชิงวิชาการมาเรียบเรียงเขียนให้อ่านง่ายขึ้น โดยใช้เทคนิคของงานวรรณกรรมเข้ามาช่วย ให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการตัดสิน เพื่อให้เข้าถึงความดี ความจริง และความงามด้วยตนเอง บางครั้งการใช้ตัวอักษรเป็นสื่อเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถบอกเล่า “สาร” หรือเรื่องราวได้ทั้งหมด ภาพถ่ายจึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของงานเขียนสารคดี และอาจสำคัญไม่น้อยไปกว่าตัวหนังสือเลย ดังคำกล่าวที่ว่า “ภาพหนึ่งภาพ แทนคำล้านคำ”<br />
<br />
ภาพถ่ายสารคดีจำเป็นจะต้องดำเนินไปพร้อมเนื้อเรื่อง เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนให้เนื้อเรื่องสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และในบางกรณีภาพถ่ายสารคดีก็อาจจำเป็นต้องอาศัยเนื้อเรื่องมาสนับสนุนให้ภาพสมบูรณ์ ช่างภาพสารคดีจึงมักจะต้องลงพื้นที่พร้อมกับนักเขียน หรือบางครั้งก็อาจต้องลงพื้นที่ด้วยตนเอง<br />
<br />
การถ่ายภาพในเชิงสารคดีก็เช่นเดียวกับงานเขียนสารคดี คือ การบันทึกปรากฏการณ์ ข้อเท็จจริงเพื่อบอกเล่าความจริง ตามความเป็นจริง โดยไม่บิดเบือน และไม่ถ่ายภาพนำความคิดหรือความรู้สึกของผู้คน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน เช่น เรื่องเกี่ยวกับการเมือง ศาสนา และความเชื่อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น วิธีการเล่าเรื่องก็ขึ้นอยู่กับเรื่องที่ต้องการจะเล่าด้วย หากเป็นประเด็นละเอียดอ่อน หรือเป็นปรากฏการณ์ที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในสังคม ช่างภาพจำเป็นจะต้องถ่ายทอดข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ถ่ายภาพให้ครอบคลุมทุกด้าน โดยไม่ใช้เทคนิคหรือจัดภาพที่ผิดธรรมชาติ แต่หากเป็นประเด็นที่ชัดเจนแล้ว อย่างเช่น ยาเสพติด เด็กเร่ร่อน อุบัติภัย ฯลฯ ช่างภาพอาจต้องถ่ายทอดให้เห็นอารมณ์ ความรู้สึกในภาพ เพื่อให้คนดูรู้สึกร่วมกับภาพและเรื่องนั้นได้<br />
<br />
เทคนิคของการถ่ายภาพในเชิงสารคดีไม่ได้แตกต่างกับการถ่ายภาพทั่วไป แต่การถ่ายภาพสารคดีจำเป็นจะต้องอาศัยการ “ทำการบ้าน” คือการหาข้อมูลและพูดคุยกับนักเขียนและบรรณาธิการให้ชัดเจน ถึงขอบเขตแค่ไหน เมื่อถึงเวลาลงพื้นที่จะได้ทำงานได้ตรงตามเป้าหมายและมีประสิทธิภาพที่สุด เพราะงานสารคดีบางเรื่องจำเป็นจะต้องลงพื้นที่ถ่ายภาพหลายครั้ง ตามแต่โอกาสและฤดูการ บางเรื่องอาจต้องลงเป็นทีม หรือใช้อุปกรณ์พิเศษ เช่น สารคดีสัตว์ป่า ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เป็นต้น<br />
<br />
ความแตกต่างระหว่างข่าวกับสารคดี*<br />
<br />
คำว่า “สารคดี” นั้นให้คำจำกัดความได้ยาก เพราะมีลักษณะแตกต่างหลากหลาย และครอบคลุมกว้างมากตั้งแต่เรื่องของบุคคลสำคัญจนถึงเรื่องเหลือเชื่อของเหตุการณ์ผิดปรกติต่าง ๆ รวมทั้งคำอธิบายซึ่งบางครั้งต้องการสั้น ๆ แต่บางครั้งก็อาจต้องใช้ข้อเขียนที่มีความยาวมาก ๆ ก็ได้ แต่ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องที่นำเสนอในรูปแบบของสารคดีจะไม่คำนึงถึงความสดใหม่ คือ ไม่นำคุณค่าเรื่องเวลามาเป็นตัวกำหนด บางเรื่องใช้ได้เป็นเวลานานและก็ยังรู้สึกใหม่และน่าสนใจอยู่เสมอ<br />
<br />
สิ่งที่ทำให้เส้นแบ่งระหว่างข่าวและสารคดีไม่ชัดเจน คือ ข่าวบางข่าวถูกนำเสนอด้วยวิธีการของสารคดี เช่น ถ้านำเสนอภาพของผู้ชนะการแข่งขันฟุตบอลหรือผู้เล่นสำคัญที่ทำให้ทีมชนะและผลการแข่งขันก็อาจเป็นข่าว แต่ถ้านำเสนอในแง่ความกดดันของนักกีฬาหรือผู้เล่นคนสำคัญที่ทำให้ทีมชนะหรือผู้ชนะก็จะเป็นสารคดี อย่างไรก็ตามลักษณะสำคัญของสารคดีอาจดูได้จาก<br />
<br />
1. ไม่มีกาลเวลา (Timelessness) สารคดีส่วนใหญ่ไม่ได้มีคุณค่าเพราะความทันต่อเวลาหรือความสดใหม่ แต่มักทำให้ผู้อ่านรู้สสึกว่าเรื่องนั้นสดใหม่และทันสมัยอยู่เสมอ ต่างจากภาพข่าวที่ต้องเป็นเรื่องหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ แต่จะเก่าและล้าสมัยอย่างรวดเร็ว<br />
<br />
2. เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต (Slice of Life) ถ้าเป็นภาพข่าวคุณค่าของภาพจะมีมากขึ้นถ้าซับเจคมีชื่อเสียง และกิจกรรมหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีความสำคัญหรือรุนแรงซึ่งก่อให้เกิดความรู้สึกต่าง ๆ เช่น สะเทือนใจ หรือเศร้าสลด แต่สารคดีจะตรงกันข้าม เพราะสารคดีจะบันทึกสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้คน สถานที่ หรือสิ่งของธรรมดา ๆ ที่เห็นได้หรือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เช่น เรื่องเด็กในสถานรับเลี้ยงเด็ก หรือการออกกำลังกายในสวนสาธารณะ<br />
<br />
3. สารคดีจากข่าว (Featuring the News) เมื่อเกิดความเสียหายร้ายแรงจากไฟไหม้ ภาพข่าวอาจถ่ายให้เห็นตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และอาสาสมัครกำลังช่วยชีวิตผู้ประสบภัย โดยมีอาคารที่ถูกไฟไหม้เป็นพื้นหลัง และบรรยายความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้ พร้อมรายชื่อผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แต่สารคดีจากข่าวหรือสารคดีเชิงข่าว (news feature) นั้น อาจถ่ายภาพตำรวจดับเพลิงที่กำลังช่วยชีวิตสุนัขและตีพิมพ์คู่กันกับภาพผู้บาดเจ็บ และความเสียหายของอาคารโดยทั่วไป<br />
<br />
นักเขียนบางคนให้คำนิยามคำว่า “สารคดี” ว่าหมายถึงอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ข่าว แต่แม้ว่าสารคดีจะรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ใช่ข่าวหรือกีฬา แต่การแยกและระบุประเภทว่าหมายถึงอะไรบ้างนั้นทำได้ยาก เพราะมีหมวดหมู่กว้างขวางมาก ที่สำคัญกว่าการแยกและระบุประเภทคือต้องรู้ว่า จะนำเสนอด้วยวิธีใดจึงจะทำให้ผู้ดูสนใจ<br />
<br />
คุณสมบัติของช่างภาพสารคดี<br />
<br />
ช่างภาพสารคดีที่ดีควรมีคุณลักษณะที่ ไวต่อความรู้สึก (sensitive) เช่น รู้สึกถึงความพอใจหรือไม่พอใจของซับเจค มีความเมตตา (compassionate) ทรหดอดทนต่อความยากลำบาก (patient) อดทนอดกลั้น (tolerant) ต่อความกดดันต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ อยากรู้อยากเห็น แต่ไม่สอดรู้สอดเห็น (nosey) เข้ากับผู้คนทุกประเภทได้ง่าย เด็ดขาดในการตัดสินใจและหนักแน่น (assertive) แต่ไม่ก้าวร้าว<br />
<br />
นอกจากคุณลักษณะประจำตัวดังกล่าวแล้ว ช่างภาพสารคดีที่ดีควรมีความรู้ ความเข้าใจและทักษะต่าง ๆ ต่อไปนี้ด้วย คือ<br />
<br />
1. ต้องรู้จักผู้อ่าน วิธีที่จะทำให้รู้จักหรือเข้าใจผู้อ่านในขั้นแรกคือดูว่าภาพถ่ายให้หนังสือพิมพ์ประเภทไหน เช่น หนังสือพิมพ์รายวัน รายสัปดาห์ หนังสือพิมพ์มหาวิทยาลัย หรือสิ่งพิมพ์เพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะประเภทของหนังสือพิมพ์จะช่วยให้ทราบประเภทของผู้อ่านที่มีความต้องการและความสนใจแตกต่างกัน<br />
<br />
2. ต้องมีความรู้เรื่องเนื้อหาข่าวสาร (message) งานของช่างภาพคือการบอกผู้ดูว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นก่อนที่จะบอกหรือสื่อสารเรื่องราวตาง ๆ ไปยังผู้ดูหรือผู้อ่าน ช่างภาพต้องเข้าใจและรู้เรื่องที่เกิดขึ้นดีกว่าและมากกว่าคนอื่น ๆ การเริ่มต้นด้วยการสำรวจวิจัย (research) และหาข้อมูลด้วยการอ่านและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้รู้หรือผู้เกี่ยวข้องต่าง ๆ ให้มากที่สุดก่อนลงมือทำงานก็เป็นวิธีที่ดี<br />
<br />
3. ต้องมีทักษะหรือความสามารถในการคาดหมาย ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ<br />
<br />
3.1 การคาดหมาย ในระยะเวลาที่ยาวนานหรือแนวโน้มต่าง ๆ (trend) เช่น สังเกตเห็นความผิดปรกติของลมฟ้าอากาศที่ร้อนมากขึ้นทุกปี หรือผู้คนในชุมชนเจ็บป่วยด้วยโรคบางอย่างมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ช่างภาพอาจต้องคิดล่วงหน้าถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นและผลกระทบต่าง ๆ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาของผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง<br />
<br />
3.2 การคาดหมายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเป้นการเฉพาะ (specific event) ในระยะเวลาไม่นานนัก เช่นใน ก่อนเปิดภาพเรียนก็คาดหมายได้ว่าเมื่อถึงเวลาปิดภาค ผู้ปกครองและบุตรหลานจะมีกิจกรรมอะไรบ้าง จึงควรเตรียมตัวและเครื่องมือเครื่องใช้ อุปกรณ์ต่าง ๆ ล่วงหน้า ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือแค่วันเดียว เพื่อให้พร้อมที่จะทำงานได้ทันทีเมื่อมีกิจกรรมหรือเกิดเหตุการณ์ขึ้น<br />
<br />
3.3 การคาดหมายขณะอยู่ในเหตุการณ์นั้น (moment within event) หมายถึงสัญยชาติญาณในการคาดเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวินาทีนั้น<br />
<br />
<br />
4. ต้องแสดงให้เห็นผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับผู้คน เมื่ออยู่ในเหตุการณ์อย่าลืมถ่ายภาพที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องราวที่ต้องการจะบอกหรือสื่อสารไปยังผู้ดูหรือผู้อ่าน และที่สำคัญควรถ่ายภาพให้เห็นว่ากิจกรรมหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นสร้างผลกระทบโดยตรงต่อพวกเขาอย่างไร<br />
<br />
การปฏิบัติตน<br />
<br />
อาชีพช่างภาพวารสารศาสตร์ (Photojournalist) เป็นอาชีพที่ต้องพบปะพูดคุยติดต่อสื่อสารกับผู้คนที่มีความแตกต่างหลากหลาย เช่น คนขี้อาย เห็นแก่ตัว จู้จี้ ชอบทำตัวเป็นนาย (bossy) หรือกับคนที่ปฏิบัติตัวได้ถูกต้องและได้รับความร่วมมือด้วยดี การเข้าใจลักษณะนิสัยของผู้คนที่แตกต่างเหล่านี้จึงเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อให้ปฏิบัติตัวได้ถูกต้องและได้รับความร่วมมือด้วยดี เช่น ควรทราบว่าคนขี้อายมักไม่ค่อยชอบพูดคุยหรือเปิดใจ จึงควรใช้วิธีพูดคุยให้เกิดความคุ้นเคยและมั่นใจก่อนเริ่มถ่ายภาพ บางครั้งอาจต้องใช้เวลานานและคุยจนแน่ใจว่าเขาเข้าใจ ไว้ใจ และยอมรับ จึงนำกล้องออกจากกระเป๋าได้ แต่ถ้าพบกับคนจู้จี้หรือชอบทำตัวเป็นนาย ก็ควรปล่อยให้เขาคิดว่าเขาเป็นนาย ด้วยการยอมให้เขาสั่งหรือกำหนดว่าควรถ่ายภาพอย่างไรแลถ่ายตามที่เขาบอกสัก 2-3 ภาพ (ซึ่งบางครั้งก็อาจได้ความคิดใหม่ ๆ เหมือนกัน) แล้วจึงขอถ่ายภาพตามที่ตนเองต้องการภายหลัง<br />
<br />
เนื่องจากงานของช่างภาพไม่ใช่การเปลี่ยนความเห็นหรือทัศนคติของใคร ๆ เมื่อพบกับผู้คนที่มีนิสัยแตกต่างกันจึงต้องหลีกเลี่ยงการโต้แย้งหรือถกเถียง พยายามให้ซับเจคพูดถึงตัวเองทั้งสิ่งที่เขาคิดและสิ่งที่เขาทำ โดยช่างภาพต้องไม่พูดถึงตัวเองไม่ว่าจะเป็นปัญหาหรือแนวคิดใด ๆ ก็ตาม ที่ต้องระวังคือ ต้องไม่พูดคุยหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง ศาสนา หรือปรัชญาที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในสังคม<br />
<br />
เมื่อต้องเจอกับซับเจคที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ เช่น บอกว่าไม่มีเวลา ก็ควรขอเวลาเท่าที่เขาให้ได้ เช่น 5 นาที และต้องพยายามถ่ายให้เสร็จ เมื่อครบเวลาก็บอกว่า หมดเวลาแล้ว บางครั้งการกระทำและคำพูดแบบนี้ก็ทำให้ซับเจคพอใจ และมีอยู่บ่อย ๆ ที่ซับเจคให้เวลามากกว่าที่กำหนดไว้ แต่ในกรณีที่ไม่ได้รับความร่วมมือจริง ๆ เพราะซับเจคตกเป็นข่าวในทางลบ อาจต้องอาศัยโอกาสหรือจังหวะที่ซับเจคลงจากรถหรือออกจากตัวอาคารแทน<br />
<br />
ถ้าถ่ายภาพเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องเรียน ซึ่งมีความอยากรู้อยากเห็นและมีความสนใจช่างภาพมาก ควรบอกว่าตัวเองเป็นใคร กำลังทำอะไร และเพื่อให้ความอยากรู้อยากเห็นและความต้องการถ่ายภาพลดลง บางทีอาจต้องถ่ายภาพหมู่สัก 2-3 ภาพ และปล่อยให้พวกเด็ก ๆ จ้องมอง ทำท่าต่าง ๆ ใส่กล้องสักพัก เมื่อถึงเวลาถ่ายจริงอาจต้องบอกพวกเขาว่าถ้าอยากมีตัวเองอยู่ในภาพ ต้องทำเป็นไม่เห็นกล้อง ถ้ายังมีปัญหาและมีเวลาพอควรปล่อยให้เวลาผ่านไปสัก 10-20 นาที เด็ก ๆ ก็จะเคยชินกับกล้องและเลิกสนใจหรืออาจหันไปสนใจอย่างอื่นแทน<br />
<br />
อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปแล้ว เด็กเป็นซับเจคที่ถ่ายได้ง่ายเพราะดูน่ารัก เป็นธรรมชาติและจะทำท่าทางแปลก ๆ หรือทำสิ่งที่ดูไร้เดียงสาโดยไม่ต้องบอกให้ทำ เด็กบางคนชอบทำเลียนแบบผู้ใหญ่ เช่น ทาลิปสติก ใส่รองเท้าส้นสูงของแม่ หรือสวมหมวกของพ่อ ฯลฯ<br />
<br />
อูลริค เวลสช์ (Ulrike Welsch) ผู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพเด็กที่ถ่ายภาพให้ บอสตัน โกลบจะขออนุญาติผู้ปกครองก่อน ถ้าผู้ปกครองไม่ได้อยู่ในบริเวณนั้นก็จะขอให้เด็กพาไปหา เวลสช์บอกว่า เพราะไม่ต้องการให้ผู้ปกครองสงสัยและขัดจังหวะการถ่ายภาพ แม้การกระทำเช่นนี้จะขัดจังหวะการทำกิจกรรมของเด็กอยู่บ้าง แต่เด็กก็จะได้กลับไปเล่นหรือทำกิจกรรมใหม่อย่างรวดเร็วตามธรรมชาติ<br />
<br />
นอกจากเด็กแล้ว สัตว์ยังเป็นซับเจคที่ถูกนำเสนอเป็นสารคดีมากที่สุด คนรักสัตว์มักปฏิบัติต่อสัตว์เหมือนเป็นมนุษย์ตัวเล็ก ๆ เพราะเชื่อว่าสัตว์เลี้ยงมีความรู้สึกเช่นเดียวกับมนุษย์ จึงฝึกให้ทำท่าทางเหมือนคน เช่น นั่ง นอนบนเตียง สูบบุหรี่ กินไอศกรีม ยิ้ม ฯลฯ คุณสมบัติเฉพาะตัวหรือท่าทางแปลก ๆ เหล่านี้ เป็นวัตถุดิบสำหรับงานสารคดีได้ดี<br />
<br />
สารคดีไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะเด็ก สัตว์ และสวนสาธารณะ ยังมีสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่ถูกนำมาถ่ายภาพสารคดี แม้แต่สิ่งที่ไม่น่าจะไปด้วยกันได้ (incongruous) ก็สามารถนำมาถ่ายเป็นภาพสารคดีที่น่าสนใจได้ เช่น ภาพพระถือปืน ทหารชุดพรางสะพายกล้อง หรือคนนอนอาบแดดข้าง ๆ หลุมฝังศพ เป็นต้น<br />
<br />
ลักษณะของเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่นำมาถ่ายทำเป็นสารคดีได้ดีคือ<br />
<br />
- เหตุการณ์ครั้งแรก การกระทำหรือเหตุการณ์ครั้งแรกหมายถึงความไม่ไม่ประสบการณ์ ความตื่นเต้น ความวิตกกังวลหรือประหม่า (nervous) ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย หรืออาจมีความหมายพิเศษ เช่น การไปโรงเรียนวันแรกของเด็กอนุบาล การเข้าค่ายลูกเสือครั้งแรก หัดเล่นสเก็ตน้ำแข็งครั้งแรก หรือหัดเต้นรำวันแรก เหตุการณ์เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเป็นสารคดีที่ดีเพราะมักได้รับความสนใจจากผู้อ่าน<br />
<br />
- งานที่ไม่ธรรมดา (unusual) งานที่อยู่แต่ในห้องทำงานหรือหน้าคอมพิวเตอร์ตลอดเวลามักไม่ค่อยน่าสนใจ ต่างจากงานบางประเภท เช่น คนเช็ดกระจกอาคารสูง คนขี่ม้าพยศ นักกายกรรม นักบินทดสอบ คนงานในโรงงานผลิตรถยนต์ ฯลฯ ภาพการทำงานเหล่านี้ทำให้สารคดีเป็นที่น่าสนใจและสร้างความประทับใจได้ง่าย เพราะเป็นงานที่คนน้อยคนจะได้เห็นหรือสัมผัสและคนจำนวนมากอยากรู้<br />
<br />
- วันพิเศษ (special day) วันพิเศษสร้างเป็นเรื่องราวสารคดีได้ง่าย เช่น วันพ่อ วันแม่ วันเด็ก วันปีใหม่ วันสตรีสากล วันเอดส์โลก แต่ต้องระวังเรื่องที่อาจสร้างความไม่พอใจแก่ผู้คนได้ เช่น เรื่องของคนป่วย โรคเอดส์ที่อาจสร้างความไม่พอใจให้กับญาติของผู้ป่วยหรือทำให้ผู้คนเกิดความตระหนกเกินความจำเป็น<br />
<br />
เพื่อให้แน่ใจว่าการถ่ายภาพได้ครอบคลุมเหตุการณ์และใช้งานได้ดี ช่างภาพควรถ่ายภาพแบบพื้นฐานทั้ง 3 ระยะ คือ ระยะไกล (long shot) ระยะปานกลาง (medium shot) และระยะใกล้ (close-up shot) ไว้ด้วยทุกครั้ง<br />
<br />
- ถ่ายระยะไกล เพื่อให้เห็นสถานที่หรือทำเลทั้งหมดอย่างกว้าง ๆ เพื่อให้ผู้ดูเห็นความสัมพันธ์ ขนาดและมาตราส่วนของสิ่งที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ<br />
<br />
- ถ่ายระยะปานกลาง ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างซับเจคกับส่วนประกอบสำคัญอื่น ๆ และสิ่งแวดล้อมบางส่วน<br />
<br />
- ถ่ายระยะใกล้ เพื่อเน้ให้เห็นรายละเอียดที่ต้องการเน้น ซึ่งบางทีก็อาจเห็นแค่ใบหน้า หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของวัตถุหรือซับเจคเท่านั้น<br />
<br />
การจะถ่ายระยะใกล้หรือไกลแค่ไหนและถ่ายอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับเรื่องที่กำหนดหรือขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ควรถ่ายแค่ระยะพื้นฐาน 3 ระยะนี้เท่านั้น แต่ควรถ่ายจากมุมต่าง ๆ ให้หลากหลายด้วย เช่น มุมสูง มุมต่ำ แนวตั้ง แนวนอน ฯลฯ<br />
<br />
นอกจากต้องถ่ายให้ครอบคลุมเหตุการณ์แล้วยังต้องถ่ายภาพที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวที่เป็นหัวใจของเหตุการณ์นั้นให้ได้ด้วย (ถ้าเป็นภาพข่าวอาจเป็นภาพเดียว แต่ถ้าเป็นภาพสารคดีอาจใช้มากกว่า 1 ภาพ) ช่างภาพจึงต้องหาจังหวะหรือรอวินาทีที่องค์ประกอบต่าง ๆ มารวมอยู่ด้วยกันให้มากที่สุด จังหวะหรือวินาทีสำคัญที่ว่านี้เรียกว่า “พีค โมเมนต์” (peak moment) ซึ่งการถ่ายภาพในช่วงวินาทีที่สำคัญนี้เป็นเรื่องท้าทายเพราะช่างภาพต้องใช้ความชำนาญในการคาดหมาย เนื่องจากต้องใช้เวลาหลังจากตามองเห็นประมาณครึ่งวินาทีก่อนสมองสั่งให้นิวกดปุ่มชัตเตอร์ และอีกประมาณ 1/10 วินาทีชัตเตอร์จึงจะเปิด ดังนั้นหากรอจนเห็นภาพที่ดีที่สุด (perfect moment) แล้วจึงกดชัตเตอร์ก็อาจสายไป<br />
<br />
*คัดลอกมาจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชุลีพร เกษโกวิท, การถ่ายภาพวารสารศาสตร์, บทที่ 8 สารคดี, คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2546
Action Sport
tag:www.portfolios.net,2009-07-21:2988839:Topic:170725
2009-07-21T18:40:46.125Z
city OF angles
http://www.portfolios.net/profile/city_of_angles
มาสนุกกันกับการถ่ายภาพกีฬา "Action Sport"
มาสนุกกันกับการถ่ายภาพกีฬา "Action Sport"
วันละครั้งกับ Henri Cartier-Bresson
tag:www.portfolios.net,2009-07-12:2988839:Topic:150530
2009-07-12T03:52:16.195Z
city OF angles
http://www.portfolios.net/profile/city_of_angles
ขออนุญาติบอกกล่าว เรื่องราวต่อไปนี้มาจาก Blog ในเวปของผมเอง แต่เนื่องจากได้เคยรับปากกับคุณ Ace ไว้ว่าจะหมั่นแวะเวียนมาแจมในห้อง Photojournalism นี้ด้วย จึงขออนุญาติ "ทำซำ้" ข้อมูลมาที่ห้องนี้ด้วย ผิดถูกชอบไม่ชอบประการใด บอกกันได้เต็มที่นะครับ<br />
<br />
ขอให้ถ่ายภาพสนุกและมีความสุขมากกว่าการกดชัตเตอร์นะครับ<br />
<br />
Have a nice day!<br />
<br />
<b>วันละครั้งกับ Henri Cartier-Bresson<br />
</b><br />
<i>Posted by Noppadol Weerakitti on July 8, 2009 at 12:00pm</i><br />
<br />
<br />
ขึ้นหัวเรื่องไว้อย่างอาจหาญมาก ยังไม่รู้ว่าจะทำได้ซักกี่วัน Ha Ha…
ขออนุญาติบอกกล่าว เรื่องราวต่อไปนี้มาจาก Blog ในเวปของผมเอง แต่เนื่องจากได้เคยรับปากกับคุณ Ace ไว้ว่าจะหมั่นแวะเวียนมาแจมในห้อง Photojournalism นี้ด้วย จึงขออนุญาติ "ทำซำ้" ข้อมูลมาที่ห้องนี้ด้วย ผิดถูกชอบไม่ชอบประการใด บอกกันได้เต็มที่นะครับ<br />
<br />
ขอให้ถ่ายภาพสนุกและมีความสุขมากกว่าการกดชัตเตอร์นะครับ<br />
<br />
Have a nice day!<br />
<br />
<b>วันละครั้งกับ Henri Cartier-Bresson<br />
</b><br />
<i>Posted by Noppadol Weerakitti on July 8, 2009 at 12:00pm</i><br />
<br />
<br />
ขึ้นหัวเรื่องไว้อย่างอาจหาญมาก ยังไม่รู้ว่าจะทำได้ซักกี่วัน Ha Ha ขอกำลังใจด้วยการเข้ามาแชร์ความคิดเห็นกันมากๆหน่อยนะครับ<br />
<img src="http://api.ning.com/files/KnZKoUEeuqs1avZgkp*UansjHm70N6n-XzpITv9nHnZAw6FaC3nHD6NN6RQYT6XASJQXyq6ogZoePHc*44bDfD2EsuLcHhDm/HCBbook.jpg" alt="" width="150" height="212" style="float: left;"/><br />
<br />
ก็ไม่มีอะไรมาก พอดีไปได้หนังสือชื่อ Henri Cartier-Bresson เขียนโดย Clément Chéroux สำนักพิมพ์ Abrams, New York อ่านไปเรื่อยๆ พบว่ามีข้อมูลน่าสนใจมากมาย ประกอบกับพบว่ามีพวกเราหลายคนในที่นี้ที่ชื่นชอบใน Mr. HCB คนนี้อยู่ เลยอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง<br />
<br />
โดยรูปแบบไม่ได้เป็นการแปลแต่เป็นการสรุปสิ่งที่อ่าน+การตีความของผมเอง ผิดถูกอย่างไรก็ขอให้ช่วยเสริมเติมแย้งกันได้นะครับ<br />
<br />
และที่ต้องตั้งธงไว้ว่าต้องเขียนทุกวัน ก็เป็นการบังคับตัวเองให้อ่าน+เขียนทุกวัน ไม่งั้นก็จะกลายเป็น Blog ที่ไม่มีวันจบเพราะคนเขียนขี้เกียจนั่นเอง<br />
<br />
ผมเองเป็นคนหนึ่งซึ่งชื่นชอบในผลงานของ HCB โดยไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาเป็นใคร ยิ่งติดตามดูผลงาน ก็ยิ่งอยากรู้ไปถึงวิธีคิด ตลอดจนปัจจัยแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อการมองโลกของเขา วิธีที่เขาใช้ในการแปลความและสื่อสารออกมาผ่านภาพถ่ายที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว มันต้องไม่ใช่แค่มีกล้อง Leica หรือห้องมืดดีๆ หรือเทคนิควัดแสงแบบพิเศษแน่ๆ<br />
<br />
ด้านหลังของหน้าปกหนังสือเล่มนี้ได้โค้ดคำพูดของ HCB ที่ถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร Life ฉบับเดือนมีนาคม 1963 ความว่า<br />
<p style="text-align: left;"><img src="http://api.ning.com/files/CwXjo5NaN5W9VFUJzqve1GCwQqTr7kXp7gZ-HGJP3KKYq-uUXylk2BBO9CApfF2Uu1bTMtG3LA2PmuFFXZ5NFgB1cPEiNHbr/HCB1.jpg" alt="" width="666" height="459"/></p>
<br />
สำหรับผม คำว่า "I understand things through my eyes" นั้น มีนัยยะเดียวกันกับที่ Robert Capa กล่าวไว้ว่า<br />
"If your pictures aren't good enough, you're not close enough."<br />
<br />
Close อาจไม่ได้หมายถึงความใกล้ไกลของระยะทางระหว่างช่างภาพกับ Subject หากแต่เป็นความชัดลึกตื้นของความเข้าใจที่ช่างภาพแต่ละคนมีต่อ Subject และสภาวะตอนนั้น และตีความมันออกมาเป็นภาพถ่ายในแบบฉบับของตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผลงานของช่างภาพระดับมาสเตอร์เหล่านั้นได้รับการยอมรับมาจนถึงทุกวันนี้<br />
<br />
ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่อง ขอโหมโรงด้วยตัวอย่างภาพบางส่วนเพื่อเรียกแขกก่อนนะครับ<br />
<p style="text-align: left;"><img src="http://api.ning.com/files/5RsAsCe9zRzY*PxjZlHtk3PU4Z7Sed4VVzOC2IA3d-LGX2fv2M-sOTZr1m5WFb8PymYmf-M40yxiCPtLqpMCsDaktJuheqOU/med_82920513.jpg" alt="" width="297" height="448"/></p>
<p style="text-align: left;"><img src="http://api.ning.com/files/5RsAsCe9zRx8w6FleCLfb4O0U590gxtYQ-EVg0byfSDWSV02oAO8rh3I9fnjT-QZNLOJg1jlpygmHTNZd6STntiR95WwJ8h4/med_17612109.jpg" alt="" width="448" height="300"/></p>
<p style="text-align: left;"><img src="http://api.ning.com/files/5RsAsCe9zRx-ir9BEPcJIo8C2n7spZlPWEyT6Nog03CoSAdo*V6sBrk0stwQDizAHkT1C7blq2h0HaMXrjRqEecbmUuIIGrG/med_39403987.jpg" alt="" width="448" height="302"/></p>
<p style="text-align: left;"><img src="http://api.ning.com/files/5RsAsCe9zRwHkWY0kLdVc1q03hG2JZJrumXZ920gHPsCeiaiY8Icrq9dS52O1jv41VWXPhK*ZP4xlhWl8X0Xdyg*6N13iuIp/med_73856010.jpg" alt="" width="448" height="300"/></p>
<p style="text-align: left;"><img src="http://api.ning.com/files/5RsAsCe9zRwOJDJt3ikEzw7H*t-2-HNsiGssfQ15550zaPzyqFZEWa6ItQuikOKvX5SrI40hPcbfPAlppeV1X9Alleez*MWi/med_85654968.jpg" alt="" width="274" height="448"/></p>
<p style="text-align: left;"><img src="http://api.ning.com/files/5RsAsCe9zRybfjHDNQ7QN36TcAG6SYK9J7IcAlo67tekM205dadWz7eOr71UPy6E5r5jByrTD28N9YAbdhspcEBOU7skWhH0/med_60754354.jpg" alt="" width="448" height="292"/></p>
<p style="text-align: left;"><img src="http://api.ning.com/files/5RsAsCe9zRz0B4PMTq-ZRCB6jOO-AN0JKDi3euJ79XlNbqETxdGWijzEPYKldowAr22Ch8qVwa8StxiFng6RGOYma3ZamOhI/95035500.jpg" alt="" width="700" height="472"/></p>
<p style="text-align: left;"><img src="http://api.ning.com/files/5RsAsCe9zRzR2Yan950xCIDKlv6cuwXHEJkqjX6Rl2*9xuUgehknhtedCpx8EfGKeXNdey9p9o34A8V4vRyBNwIqr6eBlIqx/med_55732548.jpg" alt="" width="448" height="365"/></p>
[ Gallery / Showcase ]
tag:www.portfolios.net,2009-06-23:2988839:Topic:123926
2009-06-23T07:29:32.103Z
city OF angles
http://www.portfolios.net/profile/city_of_angles
Post your work here / สามารถลงผลงาน โดยการ post รูปโดยตรง หรือ embed code ของ album จากหน้า My Portfolio ไม่แนะนำให้ทิ้ง link ไว้อย่างเดียว ควร post รูปหรือวิดีโอไว้ด้วยครับ
Post your work here / สามารถลงผลงาน โดยการ post รูปโดยตรง หรือ embed code ของ album จากหน้า My Portfolio ไม่แนะนำให้ทิ้ง link ไว้อย่างเดียว ควร post รูปหรือวิดีโอไว้ด้วยครับ
ประวัติของภาพถ่ายสารคดีเเนวข้างถนนครับ Street photography
tag:www.portfolios.net,2009-06-04:2988839:Topic:87605
2009-06-04T00:18:16.044Z
city OF angles
http://www.portfolios.net/profile/city_of_angles
New York School & New Street<br />
NEW YORK SCHOOL and NEW STREET PHOTOGRAPHY<br />
note / หมายเหตุ : หากไม่ทราบว่า documentary photography คืออะไร<br />
แนะนำให้อ่านบทความเกี่ยวกับภาพถ่ายสารคดีก่อน<br />
<a href="http://photohistory253.blogspot.com/2007/10/documentary-photography-1.html">http://photohistory253.blogspot.com/2007/10/documentary-photography-1.html</a><br />
<br />
ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารณัฐนลิน / แก้ไขสำหรับหนังสือศิลปะภาพถ่ายและภาพยนตร์<br />
ของมหาวิทยาลัยสุโขทัย ฯ ปี 2548 / แก้ไขล่าสุดสำหรับ Photo history 253 ปี…
New York School & New Street<br />
NEW YORK SCHOOL and NEW STREET PHOTOGRAPHY<br />
note / หมายเหตุ : หากไม่ทราบว่า documentary photography คืออะไร<br />
แนะนำให้อ่านบทความเกี่ยวกับภาพถ่ายสารคดีก่อน<br />
<a href="http://photohistory253.blogspot.com/2007/10/documentary-photography-1.html">http://photohistory253.blogspot.com/2007/10/documentary-photography-1.html</a><br />
<br />
ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารณัฐนลิน / แก้ไขสำหรับหนังสือศิลปะภาพถ่ายและภาพยนตร์<br />
ของมหาวิทยาลัยสุโขทัย ฯ ปี 2548 / แก้ไขล่าสุดสำหรับ Photo history 253 ปี 2550<br />
<br />
NEW YORK SCHOOL and NEW STREET PHOTOGRAPHY<br />
บทความโดย ภูมิกมล ผดุงรัตน์<br />
article : Poomkamol Phadungratna<br />
<br />
ความหมายของคำว่า ภาพถ่ายข้างถนน / สตรีท โฟโตกราฟฟี่ ( Street Photography )<br />
อ้างอิงหนังสือ Photo Speak ( Gilles Mora , Abbe Ville Press ) ความหมายเดิมของ<br />
คำว่า สตรีท โฟโตกราฟฟี่ ( street photography ) กล่าวถึงช่างภาพพอทเทรตข้างถนน รับถ่ายภาพ<br />
ราคาย่อมเยา ซึ่งธุรกิจประเภทนี้หายสาบสูญไปเพราะการกำเนิดกล้องถ่ายภาพขนาดเล็ก (ถ่ายเองถูกกว่า)<br />
และนั่นคือความหมายดั้งเดิมของคำนี้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน สตรีท โฟโตกราฟฟี่ หรือ ภาพถ่ายข้างถนน<br />
หมายถึงภาพถ่ายสารคดีประเภทหนึ่ง ( documentary ) ซึ่งเน้นเรื่องราวชีวิตในเมือง<br />
ชีวิตประจำ วันบนท้องถนน<br />
<br />
N e w Y o r k S c h o o l<br />
การทำงานแบบกลุ่มสกุลช่างนิวยอร์ค<br />
<br />
แม้สกุลช่างนิวยอร์คบันทึกเหตุการณ์ตามสภาพจริงที่เกิดโดยมิได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ในภาพ<br />
แต่ทว่าช่างภาพให้ความสำคัญต่อความเป็นมนุษย์มากเป็นพิเศษ (humanist and subjective approach)<br />
ทำให้มุมมองของภาพมิได้ยืนอยู่บนความเป็นกลางเท่าใด ..พวกเขาในฐานะช่างภาพมิใช่แค่คนผ่านทาง<br />
แต่เป็น ประจักษ์พยานผู้มีอารมณ์ร่วมกับเรื่องราวในภาพ<br />
พวกเขาสนใจในความสับสน วุ่นวายของสังคมเมือง<br />
<br />
จากแนวคิดนี้เอง ทำให้รูปแบบของภาพต่างจากงานสารคดีทั่วไป<br />
องค์ประกอบภาพมีความเคลื่อนไหวมากขึ้น มีฉากหน้าที่โผล่เข้ามาอย่างบังเอิญ มีฉากหลังที่หักมุม<br />
ในบางครั้ง และบางส่วนของภาพเป็นแค่เงาลางๆ หรือปล่อยให้ขาดความคมชัด (out of focus)<br />
เนื้อของภาพ (grain) ดูค่อนข้างหยาบ ซึ่งสะท้อนบรรยากาศชีวิตบนท้องถนนได้อย่างชัดเจน<br />
สามารถถ่ายทอดความวุ่นวายลงบนภาพนิ่งสองมิติได้อย่างดี นับเป็นการหักเหทางสุนทรียศาสตร์<br />
ครั้งสำคัญทางประวัติศิลปภาพถ่าย และการหักเหดังกล่าวเกิดขึ้นจากแนวคิด (concept) ที่มีต่อ<br />
โลกรอบตัวของช่างภาพ ประกอบกับเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพขนาดเล็ก ( 35 mm. )<br />
ฟิล์มความไวแสงสูง ช่วยให้พวกเขาทำงานอย่างรวดเร็ว บางครั้งสามารถยกกล้อง และกดชัตเตอร์โดย<br />
ไม่ต้องมองเลย วิธีการนำเสนอเช่นนี้กลายเป็นต้นแบบของงานภาพถ่ายข้างถนนยุคต่อมา<br />
<br />
กล่าวกันว่าแนวคิดของสกุลช่างนิวยอร์ค มีความใกล้ชิดกับปรัชญาแบบ existentialism<br />
เช่นงานเขียนของ อัลแบร์ กามูร์ (Albert Camus) ชอง พอล ซาร์ต (Jean Paul Sartre)<br />
ซึ่งมิใช่เรื่องแปลกเลยเมื่อพวกเขาต่างเป็นคนร่วมสมัยเดียวกัน นอกจากนั้นแนวทางภาพถ่าย<br />
ยังขานรับแนวคิดแบบ decisive moment หรืออาจแปลเป็นไทยได้ว่าวินาทีแห่งการตัดสินใจ<br />
ของอองรี คาทิเอ เบรซง (Henri Cartier Bresson) ช่างภาพสารคดี ชาวฝรั่งเศส ซึ่งมอง<br />
ภาพถ่ายในฐานะสื่อที่เล่นกับ จังหวะ เวลา บวกประสบการณ์ช่างภาพ ในการนำเสนอเรื่องราวชีวิตที่<br />
เคลื่อนไหวอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง (และจับแช่ลงบนกรอบภาพนิ่งสองมิติ) อองรี คาทิเอ เบรซง มองว่า<br />
ช่างภาพกับอุปกรณ์ของเขาต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน คนมองเหมือนที่กล้องเห็น กล้องเห็นเหมือนที่คนมองเห็น<br />
เมื่อเป็นดั่งนี้แล้วจึงสามารถจับเวลาและเหตุการณ์ที่ไม่เคยหยุดนิ่งได้ ปรัชญานี้ถือเป็นอิทธิพลทางความคิด<br />
ของโลกตะวันออก เช่นศาสนาพุทธ นิกายเซน (zen) ของญี่ปุ่น (ปรัชญาศาสนาสะท้อนในงานศิลปะ<br />
งานจิตรกรรมภู่กันของญี่ปุ่นและจีนก็อาศัยหลักการเดียวกันนี้) อย่างไรก็ตาม การที่ช่างภาพสกุลช่าง<br />
นิวยอร์คคุ้นเคยกับปรัชญาเหล่านี้ มิได้หมายความว่าพวกเขาจำต้องใช้หลักการเหล่านี้เป็นตัวตั้งเสมอ ..<br />
แนวคิดอาจเพียงแค่สนับสนุนสิ่งที่พวกเขาเชื่ออยู่แล้วแต่เดิม<br />
<br />
อีกประการหนึ่ง คำว่าสกุลช่างนิวยอร์ค / New York School นั้นเป็นชื่อที่สังคมกล่าวขาน<br />
แต่พวกเขาไม่เคยมาตั้งกลุ่มกันอย่างเป็นทางการ ช่างภาพกลุ่มนี้มี โรเบิร์ต แฟรงค์ (Robert Frank)<br />
เฮเลน เลอวิท (Helen Levitt) ซิด กรอสแมน (Sid Grossman) บรูซ เดวิดสัน (Bruce Davidson)<br />
วิลเลียม คลาย (William Klein) และอีกหลายคน รวมทั้งช่างภาพแฟชั่น เช่น ไดแอน อาบัส (Diane Arbus)<br />
ริชาร์ด อวาดอน (Richard Avedon)<br />
แหล่งข้อมูลบางแห่งจะรวม อเลกซี่ โบรโดวิช (Alexey Brodovitch)<br />
เข้าไปเป็นหนึ่งในกลุ่มช่างภาพนี้ด้วย แต่ทว่าสังคมจะรู้จัก โบรโดวิช ในฐานะกราฟฟิค ดีไซเนอร์<br />
(graphic designer) มากกว่า เขาเป็นบุคคลสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบนิตยสารแฟชั่นชื่อดัง<br />
ของอเมริกา เป็นครูของงานออกแบบสิ่งพิมพ์สมัยใหม่<br />
และครูของช่างภาพชื่อดังหลายคน (เช่น ริชาร์ด อวาดอน)<br />
<br />
การหักเหทางสุนทรียศาสตร์ของสกุลช่างนิวยอร์คนั้นขยายผลมาจากการใช้สื่อภาพถ่ายเพื่อ<br />
ความเป็นธรรมในสังคม แบบ ลิวอิส ไฮน์ การตัดสินใจอย่างเฉียบพลันแบบ อองรี คาทิเอ เบรซง<br />
รวมทั้งปรัชญาการค้นหาความหมายของชีวิต ในช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่สอง บวกกับความเชื่อ<br />
(ภายใต้กรอบทางวัฒนธรรม) ของพวกเขาเอง และสิ่งเหล่านี้นำสู่ความเปลี่ยนแปลงในการรับรู้ของมนุษย์<br />
ทั้งในอารยธรรมตะวันตก และขยายผลไปสู่อารยธรรมอื่นๆ ที่ไม่เคยมารู้เรื่องราวเหล่านี้ด้วยเลย<br />
<br />
<br />
ภาพถ่ายสารคดีข้างถนน ในแนวความคิดของ<br />
N e w S t r e e t P h o t o g r a p h y<br />
<br />
ภาพถ่ายสารคดีข้างถนน<br />
ในแนวความคิดของ New Street Photography หรือภาพถ่ายข้างถนนแนวใหม่<br />
(มีบทบาทช่วงปี ค.ศ.1960 ถึง1980)<br />
<br />
คนกลุ่มนี้เป็นศิลปิน / ช่างภาพอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งขานรับแนวคิดและสุนทรียศาสตร์ของสกุลช่างนิวยอร์ค<br />
แต่ลดทอนแง่มุมของความเห็นอกเห็นใจ หรือการมีอารมณ์ร่วม หันมาเน้นเรื่องของรูปทรง (form)<br />
หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของภาพ (visual) มากกว่าเหตุการณ์ในภาพ บางครั้งเหมือนพวกเขา<br />
กดชัตเตอร์โดยมิได้ใส่ใจว่ากล้องถ่ายติดอะไรมาบ้าง ทั้งนี้มาจากแนวคิดที่ว่าชีวิตมีเรื่องราวน่าสนใจ<br />
มีเรื่องจะบอกเล่าในตัวเองอยู่แล้ว และช่างภาพเป็นแค่สื่อบันทึกสิ่งเหล่านั้นการเข้าไปมีอารมณ์ร่วมจะทำให้<br />
เรื่องราวนั้นผิดเพี้ยน บิดเบือนไปจากความจริง ศิลปิน / ช่างภาพกลุ่มนี้ประกอบด้วย<br />
แกรี่ วินโนแกรน (Gary Winogrands) ลี ฟีแลนเดอร์ (Lee Friedlander)<br />
ซึ่งเป็นการนำศิลปะภาพถ่ายหลีกหนี หรือฉีกตัวเองจากภาพบีบคั้น สะเทือนอารมณ์..<br />
ที่เริ่มจะมีมากมายเกินไปในยุคนั้น<br />
<br />
งานภาพถ่ายข้างถนน--มิได้ถูกจำกัดด้วยเวลา หรือสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นกลางวัน กลางคืน<br />
บนท้องถนนหรือในบ้าน มิอาจรอดพ้นความอยากรู้อยากเห็นของช่างภาพไปได้<br />
ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้าเพียงใด ยิ่งขยายขอบเขตการทำงานของช่างภาพขึ้นเท่านั้น<br />
<br />
ระหว่างปี ค.ศ.1920 ถึง1940<br />
(ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งจนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง)<br />
บราไซ (Brassai) ช่างภาพชาวฮังกาเรี่ยน ตระเวนบันทึกภาพชีวิตในนครปารีส ฝรั่งเศส<br />
ภาพชีวิตบนท้องถนน ในร้านเหล้า ร้านกาแฟ ตรอกซอกซอย ซ่องโสเภณี โรงระบำโป๊ ไปจนถึง<br />
แหล่งมั่วสุมของชนชั้นสูง งานของเขาจำนวนมากจะเป็นภาพชีวิตกลางคืน และในปี ค.ศ.1924<br />
เขาหันมาถ่ายภาพกลางคืนอย่างจริงจัง (นอนกลางวัน ทำงานกลางคืน) จนกระทั่งตีพิมพ์เป็นหนังสือ<br />
รวมภาพผลงานในปี ค.ศ.1933 (Paris by Night / Paris de Nuit)<br />
และช่วงเวลาใกล้เคียงกันในสหรัฐอเมริกา อาเธอร์ ฟีลิก ( Arthur Fellig ) หรือที่รู้จักกัน<br />
ทั่วไปใน นามว่า วีจี้ ( Weegee ) ช่างภาพผู้คุ้นเคยกับชีวิตกลางคืน ผู้รอบรู้เรื่องราว<br />
อาชญากรรมในเมืองนิวยอร์คเป็นอย่างดี งานของเขาคล้ายคลึงกับบราไซ แต่ทว่ารุนแรงกว่า<br />
แทบทุกครั้งที่มีการฆาตกรรม หรือเรื่องตื่นเต้น สยองขวัญ<br />
วีจี้มักไปปรากฏกายก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสมอ..เพื่อถ่ายภาพ บางคนคิดว่าเขาเลี้ยงผี หรือมีพลังจิตพิเศษ<br />
หยั่งรู้อนาคต แต่ความจริงแล้วเขามีเครื่องดักฟังวิทยุสื่อสารของตำรวจอยู่ในรถ<br />
ผลงานของเขาตีพิมพ์รวมเล่มในปี ค.ศ.1936 (Naked City)<br />
Posted by slave workeR at 10:30 AM<br />
<br />
อ้างอิงจากเว็บ <a href="http://photohistory253.blogspot.com/2007/10/new-york-school-new-street.html">http://photohistory253.blogspot.com/2007/10/new-york-school-new-street.html</a>
[ VDO ] How to Become a Photojournalist
tag:www.portfolios.net,2009-06-02:2988839:Topic:85066
2009-06-02T19:06:36.683Z
city OF angles
http://www.portfolios.net/profile/city_of_angles
น่าสนใจดีครับเอามาฝาก<br />
<br />
<object width="640" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/O-3HiLyjUy8&hl=en&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="never"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/O-3HiLyjUy8&hl=en&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="never" width="640" height="385"></embed></object>
น่าสนใจดีครับเอามาฝาก<br />
<br />
<object width="640" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/O-3HiLyjUy8&hl=en&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="never"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/O-3HiLyjUy8&hl=en&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="never" width="640" height="385"></embed></object>