อยากถามในเรื่องของการ set up เเสงสำหรับการถ่าย interior นะครับ เพราะผมเพิ่งได้เลนส์ 
Canon TSE24 มาใช้คู่กับ 5D2 น่ะครับ ยังใหม่ในการถ่ายภาพประเภทนี้อยู่มาก เลยอยาก
ถามว่าสิ่งที่ควรรู้ในการ set up เเสงสำหรับการถ่าย interior นั้น ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง

1. มีเทคนิคการดูยังไงว่าห้องไหนควรใช้เเสงเเบบไหน มีหน้าต่างเเละไม่มีหน้าต่าง ควรจัดการ
อย่างไรในการให้เเสง 

2. การให้เเสงเกี่ยวพันกับโทนสีหรือประเภทของวัสดุในห้องอย่างไร เเละสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

3. เเสงธรรมชาติหรือเเสงสังเคราะห์ (เเบบหลอดติดเพดานทั้งหลอดกลมเเละหลอดนีออน) 
เเบบไหนเหมาะกว่ากัน รวมถึงการซ่อนไฟเพื่อเพิ่มความสว่างในส่วนที่ต้องการนั้นจำเป็นขนาดไหน

4. มีสูตรสำเร็จในการให้เเสงสำหรับการถ่าย interior หรือไม่ว่าควรให้เเสงทำมุมกับกล้องประมาณ
กี่องศา หรือหากเป็นการใช้เเสงธรรมชาติจากหน้าต่าง ควรเป็นเวลากี่โมง สำหรับหน้าต่างความสูง
ปกติ เพืิ่อป้องกันเงาหรือเพื่อสร้างเงาตามที่ต้องการ

5. การให้เเสงเเต่เกิดเงาที่วัตถุเช่น เคาน์เตอร์ครัว เก้าอี้ โต๊ะ เเละเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ นั้นเป็นผลเสียหรือ
ให้ผลดีในเเง่ใดบ้าง


รบกวน 5 ข้อก่อนนะครับ ผมรู้ว่ารายละเอียดหัวข้อนี้มันค่อนข้างเยอะเเต่ก็อยากเริ่มลองถ่ายดู เพราะ
อย่างน้อยผมคิดว่าการคอนโทรลเเสงในอาคารอาจจะสามารถกระทำได้สะดวกกว่าการถ่ายภาพนอก
ซึ่งต้องรอสภาพอากาศอย่างเดียว กล้องมีเเล้ว เลนส์มีเเล้ว เวลามี สถานที่มี ไฟมี ขาดเเต่เทคนิคใน
เรื่องเเสงซึ่งผมว่ามันสำคัญมาก พอๆกับการเลือกใช้เลนส์ รบกวนคุณ pirak ด้วยนะครับ ขอบคุณล่วง
หน้าครับ

Views: 9218

Replies to This Discussion

ดีคับ พี่ จี ขอตอบจาก ประสบการที่เคยผ่าน ส่วนใหญ่จะเน้นแสงธรรมชาติ คับ เฟอร์นิเจอร์ก็จัดบ้างตามความเหมาะสม ประสบการณ์ยังน้อยไว้เดี๋ยวรอรุ่นใหญ่มาตอบเพิ่มเติมนะคับ พี่จี

ขอบคุน
โต้ง

ปล.ไว้เดี๋ยวหารูปมาให้ดูนะคับ
ไอ่หย๋า เพิ่งเข้ามาเห็นครับ ต้องขออภัยที่ตอบช้าครับ ยินดีด้วยกับกล้องและเลนส์ชุดใหม่นะครับ ห้าดีม๊ากทูบวกทิ๊วชิบยี่สิบสี่ เฮ้อ ไม่มีบุญจะใช้จริงๆ เอ้า ตอบคำถามครับ

1. มีเทคนิคการดูยังไงว่าห้องไหนควรใช้เเสงเเบบไหน มีหน้าต่างเเละไม่มีหน้าต่าง ควรจัดการอย่างไรในการให้เเสง

- เทคนิคการให้แสง ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า วิธีถ่ายของผมจะใช้ speed มากกว่าจัดไฟนะครับ

อันนี้ผมเคยเขียนไว้ในเว็บ thaiegazine ว่า "อย่างเช่นห้องโถงในโรงแรม ไฟมันจะสลัวๆ ถ้าช่างภาพที่จัดไฟ เขาก็จะต้องใช้ไฟเยอะมาก แต่ถ่ายที่ความเร็วแบบ 1/125 วินาที ได้ แป๊บเดียวเสร็จ ไปเสียเวลาจัดไฟ แต่พี่จะไม่ชอบอย่างนั้น เพราะภาพที่ออกมามันไม่ใช่ lighting ที่คนออกแบบเขาทำไว้ พี่ก็อาจจะต้องถ่ายบางทีก็รูปนึง 30 วินาที หรือบางงานนี่ก็ 3 นาทีเลยก็มี ขึ้นอยู่กับสภาพของแสงในที่นั้นๆ
แต่ถ้าเป็นห้องที่เป็นผนังกระจกมองออกไปเห็นสวนเขียวๆ สวยเชียว จะมีเรื่อง contrast ของแสงเข้ามาเกี่ยวแล้ว มันก็จะประมาณว่า วัดแสงข้างนอก ข้างในมืด วัดแสงข้างใน ข้างนอกโอเวอร์ เข้าใจใช่มั้ย ซึ่งถ้าใช้จัดไฟ ก็จะจัดให้แฟลชมันมีความสว่างเท่ากับแสงข้างนอก ก็จบ แต่พี่จะรอช่วงเวลาที่แสงข้างนอกกับข้างในเท่ากัน ซึ่งก็มักจะเป็นเวลาเช้าตรู่หรือไม่ก็ช่วงเย็นๆ ก็ช้าหน่อย... " (อ่านเพิ่มที่ http://www.thaiegazine.com/forum/index.php?topic=2723)

อ่ะ คราวนี้ผมจะขยายความจากข้างบนนะ สมมุติเข้าไปในห้องปิด พวกที่เค้าจัดไฟ เค้าก็จะจัดตามสไตล์ของแต่ละคน บ้างก็เน้นแบบ ambient บ้างก็ชอบแบบ spot แล้วแต่คนนะครับ แต่สำหรับผม ไม่ต้องคิดมากเลย ดีไซเนอร์จัดมายังไง เราก็ใช้ไฟที่มีอยู่ในห้องอย่างนั้น ก็พยายามหามุมที่มันลงตัว ทั้งแสง และ ลักษณะของทัศนียภาพ เพราะส่วนใหญ่งานถ่ายของผมจะต้องแสดงผลจริงของคนออกแบบ มากกว่าจะปั้นให้มันผิดจากความจริงเพื่อเชิงพานิชย์ แม้ว่าจะดูสวยกว่าก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น ห้องน้ำ หรือห้องประชุม มันไม่มีทางหรอกที่จะไม่มีไฟเลยสักดวง นอกจากห้องมืด และหลอดไฟเสีย (ปัญหานี้น่ารำคาญมากเลย ควรบอกให้เจ้าของเค้าเช็คก่อนเราเข้าถ่ายด้วยนะ) ซึ่งเราก็ต้องตั้งสปีดต่ำมาก อย่างเช่น 30 วิ หรือ 1 นาที อันนี้กรณีที่เปิดหน้ากล้องแคบสุดอย่าง f/22 แน่นอนก็ต้องมีขาตั้งกล้อง มีสายลั่นชัตเตอร์ และเนื่องจากผมใช้กล้องฟิล์มจึงมีปัญหาเรื่อง white balance ถ้าเป็นไฟ incandescent ก็ต้องเตรียมฟิลเตอร์ฟ้าแก้เหลือง ถ้าไฟ fluorencent ก็เตรียมฟิลเตอร์ม่วงแก้เขียว แต่คุณจีใช้ dslr ก็ตั้งค่า WB ตามลักษณะไฟได้เลยครับ บางที่ โหมดออโต้ก็เชื่อไม่ได้ ลองดูรูปประกอบนะครับ ;


รูปนี้เป็นโรงงานที่มีลักษณะปิด แต่ก็มีแสงลอดเข้ามาภายในตามช่องแสงเล็กๆ มันก็มีเสน่ห์ของมัน และถ้าให้ผมจัดไฟให้สว่างเท่ากันทั้งโรง ผมคงต้องจ้าง siamlight ขนไฟมาสักสี่รถบรรทุกถึงจะพอ


ห้องน้ำบ้านหลังนี้เป็นห้องที่ค่อนข้างทึบ มีไฟจำกัด มุมห้องก็จำกัด ผมก็มีโอกาสเลือกได้แค่สี่มุม มุมนี้พอใจสุด ผมใช้ฟิลเตอร์แก้สีด้วยครับ ใช้ f/22 นาน 1 นาที


ห้องวิจัยที่นี่มีลักษณะปิด 100% ครับ และไฟฟลูออเรสเซ้นต์เยอะมาก และผมต้องถ่ายความเยอะมากนั่นให้แสดงออกมาให้ได้ ลองคิดดูว่าถ้าผมจัดไฟ มันคงไม่ค่อยเข้าท่ามั้งครับ


สำหรับห้องที่มีหน้าต่าง ถ้าหน้าต่างบานเล็กๆ ก็ไม่เป็นไร จะเห็นรูปห้องน้ำข้างบนก็มีแสงลอดเข้ามา ก็ปล่อยไป แต่ถ้าบานใหญ่ บานกระจกใหญ่ๆ ที่ผู้ออกแบบต้องการเชื่อมมุมมองระหว่างพื้นที่ภายนอกกับภายในเข้าด้วยกัน อั้นนี้แหล่ะที่ต้องประณีตกว่า เพราะปัญหาที่เจอก็คือเรื่อง contrast ระหว่างข้างนอกกับข้างใน เราอยากให้เห็นต้นไม้เขียวๆข้างนอก แต่ข้างในมืด อยากให้ข้างในชัด แต่ข้างนอก over ก็มีวิธีถ่ายประมาณจากประสบการณ์ก็คงจะด้นๆได้เป็นข้อๆดังนี้นะครับ

- เลือกถ่ายในช่วงที่แสงระหว่างข้างนอกกับข้างในเท่ากัน ส่วนใหญ่ก็เป็นช่วงเช้ากับช่วงเย็น ที่แดดข้างนอกไม่จัดมากนัก
- ถ้าคิดจะเล่นกับ contrast ก็เล่นไปเลยเช่น ให้ข้างนอก over จนมองอะไรข้างนอกไม่เห็น เพราะมันไม่มีอะไรให้ดู หรือถ่ายให้ข้างในมืดไปเลย เพราะจะทำให้เกิดมิติ เกิดความลึก
- ถ่ายโดยการจัดไฟแฟลช ส่วนใหญ่ผมใช้แฟลช 1200-1600 วัตต์ ใส่ soft box ขนาด 120 x120 ซม ยิงจากข้างหลังกล้องขึ้นบนเพดาน เป็น indirect light เพื่อลดความกระด้างของแสง ส่วนใหญ่ก็จะพกไปอย่างน้อย 2 ดวง เป็นไฟหลักหนึ่ง และไฟ fill หนึ่ง ข้อควรระวังก็คือ ในห้องที่กระจกเยอะ ระวังไฟจะเข้าไปอยู่ในเฟรม นะจ๊ะ
- ถ่ายสองรูปแล้วเอามาประกบกัน คือ รูปแรกถ่ายข้างในชัด ข้างนอกเว่อร์ รูปสองถ่ายข้างนอกชัด ข้างในอันเดอร์ แล้วเอามาตัดแปะกัน ดิจิตัลจะทำได้ง่ายกว่าฟิล์ม อันนี้ต้องการความประณีตอย่างมากถึงมากที่สุด

ดูรูปละกัน


รูปนี้ผมตั้งใจถ่ายเป็นภาพซิลลูเอท แสงภายนอกพอดีเห็นบันได ส่วนตัวคนและบรรยากาศภายในปล่อยให้มืด ยิ่งมืดยิ่งคมยิ่งเน้นโปรไฟล์ของคน อันนี้เป็นเรื่องการเล่นกับ contrast ครับ


รูปนี้เป็นห้องกระจก ผมต้องการถ่ายให้ทะลุทะลวง เพราะแนวคิดของสถาปนิกคือ see through โชคดีว่า background มีต้นไม้หนาทึบ และ foreground ที่อยู่ใกล้กับผมก็มีร่มไม้ เลยทำให้แสงทั้งด้านหน้าด้านหลังมีคอนทราสไม่สูง ก็แสดงทุกส่วนให้เห็นชัดเจน



รูปนี้เป็นออฟฟิศ จะเห็นว่าการปล่อยให้เกิดการไล่โทนของแสงมาถึงเงาจะช่วยทำให้ภาพดูมีมิติ แต่ผมก็เคยเห็นช่างภาพบางคน จ้างบริษัทไฟมาส่องยังกะดวงอาทิตย์เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบนี้นะ


อันนี้ร้านตัดผมของสถาปนิกผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง แกให้ลูกน้องไปตั้งถ่ายช็อตนี้ไว้ แต่ไม่ได้ดั่งใจเพราะมันแบนมาก แกเลยอยากได้ไฟมา fill ผมก็ไป fill ให้แก ที่ด้านขวาผมซ่อนไฟ model ของแฟลช 600 วัตต์ไว้ดวงนึง ข้างหลังโคมไฟทองเหลือง ก็ออกมาเป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหล่ะครับ

สนใจติดต่อให้ถ่ายภาพงานภายใน interior ไม่ทราบว่าสามารถติดต่อได้อย่างไรบ้างครับ

ธนากร 081-6115494
รูปด้านบน ที่มีคนชงกาแฟ แสงข้างนอกแรงมาก แต่ผมอยากให้เห็นต้นไม้ข้างนอก ก็เลยปิดมุ้งลวดกับลูกกรงประตูมาช่วยกรองแสง ก็ทำให้มองเห็นต้นไม้อย่างที่ต้องการได้ โชคดีที่เคาน์เตอร์ทำอาหารเป็นสีขาว ก็เลยมีคอนทราสไม่มาก ก็ยอมให้ด้านขวาของภาพ under ไปเลย แต่ก็ยังมีแสงจากภายนอกส่องเข้ามาช่วยไล้วัตถุต่างๆเช่น เก้าอี้ โต๊ะกินข้าว และพื้นไม้ขัดมัน ให้มันมีน้ำหนักได้ครับ

ส่วนรูปนี้เป็นห้องพักโรงแรมที่ผมปล่อยให้แสงด้านหลังส่องตรงมาที่กล้องโดยใช้ผ้าม่านสีขาวช่วยทำให้แสงนุ่มขึ้น เป็นหน้าที่เดียวกับ soft box นะครับ

2. การให้เเสงเกี่ยวพันกับโทนสีหรือประเภทของวัสดุในห้องอย่างไร เเละสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

ตอบ การให้แสง กับโทนสีและวัสดุอย่างไร ข้อนี้ต้องตอบว่า ต่างกรรมต่างวาระครับ แสงไฟประดิษฐ์ที่เราสามารถนำมาใช้ได้มันมีมากมายหลายแบบ ถ้าแบ่งง่ายๆก็มีแฟลช กับไฟต่อเนื่อง ซึ่งตัวผมชอบไฟต่อเนื่องมากกว่า เพราะมันเห็นๆเลยว่าภาพจะออกมายังไง ก็เหมือนกับเราไปออกแบบ lighting ให้ห้องนั่นแหล่ะ ขณะที่แฟลชมันจะมีเอฟเฟคที่เล่นลูกเล่นได้มากกว่าตามลักษณะของอุปกรณ์ที่เพิ่มเติมเข้าไป
แสงที่ผมใช้ ผมแบ่งเองง่ายๆเป็น cold light ออกเหลืองๆ อุณหภูมิสี่ต่ำๆ เช่นหลอดอินแคนเดสเซ้นท์มันจะให้เอฟเฟคเหมือนแสงอาทิตย์ตอนเช้าตรู่และช่วงเย็น ก็จะใช้เน้น emotional หน่อยเหมือนรูปเก้าอี้ร้านตัดผมที่แปะไว้ข้างบน ขณะที่ warm light มันจะออกขาวๆ ฟ้าๆแบบพวกหลอดฟลูออเรสเซ้นท์ ก็จะเน้นใช้ในกรณีที่ต้องการแสดงให้ทุกอย่างมีความชัดเจน แสงเกลี่ยเท่ากันทั้งภาพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง อันนี้ไม่รู้จะตอบยังไง ส่วนใหญ่มันไปดีลกันที่หน้างานอ่ะนะครับ เดี๋ยวนึกออกแล้วจะมาตอบเพิ่มละกัน อ้อ นึกออกอันนึง ระวังอย่าให้ขาตั้งไฟหรือโคมไฟเข้ามาเป็นส่วนเกินในภาพล่ะครับ ส่วนแสงกับวัสดุ ผมให้ความสำคัญกับเรื่องพื้นผิว เช่น ผิวขรุขระ ผมก็ต้องใส่ไฟให้เห็นความขรุขระก็คือตั้งไฟที่ด้านซ้ายหรือขวาของกล้อง ให้มันโชว์แสง และเงา ส่วนผิวมันหรือสะท้อนเช่นกระจก โลหะขัดมัน ก็ต้องดูว่าเราอยากจะให้มัน blink blink หรือเปล่า ถ้าอยากก็วางตำแหน่งให้มัน blink ถ้าไม่อยากให้ blink ก็หลบเอา
3. เเสงธรรมชาติหรือเเสงสังเคราะห์ (เเบบหลอดติดเพดานทั้งหลอดกลมเเละหลอดนีออน)
เเบบไหนเหมาะกว่ากัน รวมถึงการซ่อนไฟเพื่อเพิ่มความสว่างในส่วนที่ต้องการนั้นจำเป็นขนาดไหน

อันนี้ผมว่าคำตอบผมก็ปนๆอยู่ที่ตอบไปแล้วด้านบนนะครับ ส่วนการซ่อนไฟเพื่อความสว่างในส่วนที่ต้องการนั้นจำเป็นแค่ไหน ผมก็ขอตอบว่า ก็เอาเท่าที่จำเป็นนะครับพี่จี คือผมว่าคนที่รู้ดีที่สุดว่าต้อง fill up ไฟตรงไหนก็คือช่างภาพนั่นแหล่ะ อย่างเช่นรูปเก้าอี้ตัดผมที่แปะไว้ด้านบนอ่ะครับ เจ้าของงานเห็นว่าแสงที่มีอยู่มันแบนเกินไป ไม่มีมิติ ผมก็เอาไฟดวงเดียวไปส่องจากทิศทางเดียว ไม่มากมายอะไร มันก็ทำให้ภาพดูน่าสนใจ และดูมีมิติขึ้นมาได้ ผมเคยเห็นงานช่างภาพที่ถ่ายให้โรงแรมบางคน เป็นมุมห้องดินเนอร์ เค้าเอาแฟลชตัวเล็กๆไปวางไว้ใต้โต๊ะทุกตัว ในเฟรมมีประมาณ 7 ตัว ก็ใช้ 7 ดวง เป็น SB800 ของนิคอนเนี่ยแหล่ะ แล้วติดตาแมวที่กล้อง มันก็ออกมาสวยดี แต่ผมก็มองว่า ดีไซเนอร์ที่ไหนมันจะซ่อนไฟไว้ใต้โตะกินข้าววะ ต่างกรรมต่างวาระ ต่างคน ต่างจิต ต่างใจ แนวใคร แนวมัน นะพี่นะ
4. มีสูตรสำเร็จในการให้เเสงสำหรับการถ่าย interior หรือไม่ว่าควรให้เเสงทำมุมกับกล้องประมาณ
กี่องศา หรือหากเป็นการใช้เเสงธรรมชาติจากหน้าต่าง ควรเป็นเวลากี่โมง สำหรับหน้าต่างความสูง
ปกติ เพืิ่อป้องกันเงาหรือเพื่อสร้างเงาตามที่ต้องการ

- ถ้าผมต้องจัดแสงจริงๆ ผมก็จะยึดว่า องศาแค่ไหนก็ได้ ให้แสงมันเข้ามาในภาพ ให้มันเกิดมีมิติ ให้มันทำหน้าที่ของม้น และอย่าให้ส่วนเกินเช่น สายไฟ softbox ขาตั้งไฟ หรือองค์ประกอบส่วนเกินใดๆ ปรากฏอยู่ในภาพครับพี่

- ส่วนแสงธรรมชาติจากหน้าต่าง มันก็แล้วแต่วาระอีก คือ อย่างที่ตอนแรกตอบไป ถ้าต้องถ่ายให้มีการเชื่อมกันแบบ inside out หรือ outside in ผมก็ต้องรอช่วงที่แสงมันเท่ากัน มีคอนทราสน้อย อย่างเช่น หกโมงเช้า และหกโมงเย็น อันนี้ +/- ครับพี่ แล้วแต่ฤดูกาล แต่ถ้าเรารู้ หรือดีไซเนอร์บอกเราว่า เนี่ย สิบโมงเช้าแสงจะส่องเข้ามาในห้องสมุดจาก skylight นะคะ เราก็ต้อง อ่า สิบโมงเหรอ ได้ รอ แล้วเราก็จะได้ช็อตที่มันพิเศษกว่าอีกยี่สิบสามชั่วโมงที่เหลือ ใช่มั้ยพี่ เออ เรื่องฤดู ก็สำคัญนะ งานถ่ายอินทีเรียเนี่ย ผมว่าหน้าฝนถ่ายง่ายสุด เพราะแดดไม่ค่อยเยอะ คอนทราสไม่ค่อยแยะ แต่อาจจะออกแนวเหงาๆหน่อย

- เรื่ององศาของแสงที่ส่องเข้ามาในห้อง ก็ประมาณว่าให้มันดูเป็นเส้นทะแยงมุมอ่ะพี่ เพราะถ้ามันทิ้งดิ่งลงมา หรือแบนแต๋ไปกับพื้น มันก็ดูยังไงอยู่นา หรือพี่ว่าไง
5. การให้เเสงเเต่เกิดเงาที่วัตถุเช่น เคาน์เตอร์ครัว เก้าอี้ โต๊ะ เเละเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ นั้นเป็นผลเสียหรือ
ให้ผลดีในเเง่ใดบ้าง

- ตัวผมเอง มองว่ามันไม่ค่อยสวยอ่ะพี่ ผมกำลังนึกอยู่ว่ามีสถานการณ์ไหนบ้างที่ผมอยากใช้ไฟมากที่สุด อืม ก็คงเป็นการลดคอนทราสระหว่างจุดสองจุดในภาพนะพี่ ส่วนใหญผมก็จะจัดให้มันเป็น ambient เข้าไว้อ่ะครับ ไม่ให้มัน spot ที่จุดใดจุดนึงจนเกิดเงาชัดเจนขนาดนั้น อย่างที่ผมบอกพี่อ่ะ ว่าผมจะใช้ soft box แล้วก็ยิงแบบ indirect เสียเป็นส่วนใหญ่ ถ้าต้องจัดไฟอ่ะนะครับ แต่ 99% ที่ทำงานมา ผมไม่ใช้ไฟเลยครับพี่ คือผมคิดว่า ส่วนใหญ่ ดีไซเนอร์ หรือ เจ้าของห้องเค้าก็ต้องมีไฟของเค้าอ่ะครับ แล้วมันก็ควรจะถูก present ออกมาอย่างชัดเจน แต่ถ้าพี่หมายถึงการถ่ายเชิง commercial จริงจัง อย่างนั้นก็ต้องยกให้เค้าล่ะครับ บางงานผมเห็นเค้าเอาผ้าดำมาคลุมห้องทั้งห้อง แล้วเข้าไปจัดไฟทุกอย่างใหม่หมดเลยก็มี
คิดว่าที่ตอบมานี่คงมีประโยชน์บ้างนะพี่ ยังไงก็เอารูปมาแบ่งกันดูบ้างนะพี่

ขอได้รับความขอบคุณจาก spaceshift studio ครับผม โย่ว!
เจอตัวอย่างเอามาให้ดูครับ

รูปนี้ แสงที่เทเฉียงๆเข้ามาอย่างนี้ เนี่ยครับ ประมาณนี้แหล่ะที่ผมว่าสวย



ส่วนล็อตนี้ ผมเอามาจากเว็บโรงแรมแชงกรีล่า กรุงเทพครับ ถ้าคุณช่างภาพบังเอิญผ่านมาเห็น ผมก็ขออนุญาตนำมาเป็นแบ่งปันกันชมเป็นวิทยาทานนะครับ

รูปนี้ ผมเห็นเขาซ่อนไฟเล็กๆไว้สามดวง ดวงหนึ่งไล้ที่ข้างเตียงด้านหน้ากล้อง ดวงที่สองไล้ daybed ข้างหน้าต่างด้านหลังภาพ ดวงที่สามซ่อนไว้ให้ไล้ผ้าม่านโต๊ะทำงาน


รูปนี้ผมเห็นสี่จุุดที่ fill ไฟเข้ามา หนึ่งคือ โต๊ะทำงาน สองคือบนเบาะอาร์มแชร์ด้านหน้า ข้างเตียงอีกหนึ่ง แล้วก็ที่ระเบียงอีกหนึ่ง


หวังว่าคงพอจะเห็นไอเดียของงานเชิงพานิชย์นะครับพี่จี


เด๋ย
โอ้ พี่เด้ย ปล่อยของอีกแล้ววว ขอบคุณมากเลยครับ
ขอเอาประสบการณ์มา share บ้างนะครับ เคยถ่ายงาน commercial บริษัทที่เคยทำงานให้ (ปัจจุบันออกมาแล้ว)

ข้อ 2: ประสบการณ์ของเรื่อง tone สีของผมจะเป็นแนวว่า ฉากหน้าเป็นสีขาว ตรงกลางเป็นโทนอุ่นเพราะวัสดุเป็นไม้ผสมจัดแสงเป็น Warm Light มาอยู่แล้ว โดยฉากหลังเป็นวิวข้างนอก ผมเลยเลือกเวลาถ่ายช่วงเพิ่งจะมืดเพราะข้างนอกจะออก Tone เย็น ตัดกันระหว่างโทนอุ่น
ผมว่ามันไม่มีสูตรตายตัวอ่ะครับ ขึ้นอยู่กับ Idea มากกว่า
ไม่ได้ปล่อยของ ถามมาตอบไป เว้ย นึกขึ้นได้ว่าเคยพูดแต่เรื่อง exterior พอคุณจีถามเรื่อง interior แล้วมีประเด็นเป็นข้อๆชัดเจนดี ก็เลยตามน้ำซะงั้น เรียกว่าปล่อยผีก็แล้วกันนะ

ปล เมื่อไหร่จะสะกดชื่อตรูถูกฟระ ดอ สระเอ๋ย อ่านว่า เด๋ย สงสัยเอ็งจะเอา เต้ย กะเด๋ย มารวมกันแหง๋มๆ

RSS

© 2009-2024   PORTFOLIOS*NET by CreativeMOVE.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service